ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 280 จุด กลุ่มเทคโนโลยีหนุน CPI สูงกว่าคาด

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 280 จุด แรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ด้านดัชนี CPI สูงกว่าคาดหนุนตลาด ด้านตลาดหุ้นยุโรปบวกยกแผง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ที่ 27,976.84 จุด เพิ่มขึ้น 289.93 จุด หรือ 1.05% จากแรงซื้อที่กลับเข้ามาในกลุ่มเทคโนโลยีท่ามกลางการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ที่ชะลอตัวลงและจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,380.35 จุด เพิ่มขึ้น 46.66 จุด, +1.40%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,012.24 จุด เพิ่มขึ้น 229.42 จุด, +2.13%

จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวและมุมมองทางบวกต่อการพัฒนาวัคซีน เป็นปัจจัยหนุนตลาด ขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีทีท่าชะลอตัวได้กลับมาอีกครั้ง

ไมเคิล เรย์โนลด์ จาก อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า กลุ่มเทคโนโลยีหนุนตลาดให้ปรับตัวขึ้นวันนี้ เพราะมองว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 และการถูกจำกัดให้ทำงานอยู่ที่บ้านของประชาชน

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจาก ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนกรกฎาคมที่เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่า 0.4% ที่นักวิเคราะห์คาด และเพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานหรือ Core CPI ที่หักอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.6%

นักลงทุนยังเกาะติดการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน และทำเนียบขาว โดยในแถลงการณ์นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตระบุว่า นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอให้มีการเจรจารอบใหม่ แต่ทำเนียบขาวไม่พร้อมที่จะระบุวงเงินและขอบเขตการใช้เงิน ซึ่งสะท้อนถึงทางตันด้านกฎหมาย

นักวิเคราะห์ยังกังวลต่อผลทางกฎหมายของคำสั่งบริหารขยายมาตรการช่วยเหลือคนตกงานที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในช่วงสุดสัปดาห์ และขณะเดียวระบุว่า ความล่าช้าในการออกมาตรการจะมีผลทางลบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานอาจจะลดลงได้อีก

นักลงทุนยังเกาะติดสัญญานการเปลี่ยนกลุ่มลงทุนจากกลุ่มเทคโนโลยีและ growth stock ไปที่กลุ่มวัฎจักรที่ราคายังไม่ปรับขึ้นและหุ้นประเภท value stock หลังอัตราผลตอบแทนหักเงินเฟ้อเริ่มพ้นจากจุดต่ำสุด

หุ้นเน็ตฟลิกซ์เพิ่มขึ้น 1.83 %หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 3.32% หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 1.47% หุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 2.65% หุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้น 1.8%

หุ้นโมเดอร์นาเพิ่มขึ้น 0.8% หลังบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลที่จะซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการทดลองขั้นสุดท้ายจำนวน 100 ล้านโดส มูลค่าราว 1.5 พันล้านดอลลาร์

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนยังมีความหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากที่ได้รับผลกระทบของการระบาดไวรัสโควิด-19 โดยกลุ่มเทเลคอมเพิ่มขึ้น 1.7%

นักลงทุนยังเมินข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษซึ่งผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(Gross Domestic Product:GDP) ไตรมาสสองติดลบ 20.4% จากไตรมาสแรกและเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้ GDP เดือนมิถุนายนฟื้นตัว 8.7%

อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มระบาดรอบใหม่ โดยในฝรั่งเศสจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าใน 24 ชั่วโมง และจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในเยอรมนีเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 รายเป็นครั้งที่ 4 ในรอบสัปดาห์ นอกจากนี้หลายภูมิภาคมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น รวมทั้งนิวซีแลนด์ที่มีการติดเชื้อรายแรกหลังจากเป็นศูนย์มา 102 วัน

นอกจากนี้นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสองของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นเอบีเอ็นแอมโรเพิ่มขึ้น 8% จากผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด รวมทั้งประกาศปรับโครงสร้างองค์กรด้วยการจะยุติการให้สินเชื่อและการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 374.88 จุด เพิ่มขึ้น 4.12 จุด , +1.11%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,280.12 จุด เพิ่มขึ้น 125.78 จุด, +2.04%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,073.31 จุด เพิ่มขึ้น 45.32 จุด, +0.90%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,058.63 จุด เพิ่มขึ้น 111.74 จุด, +0.86%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 42.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 45.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 2% สต๊อกสหรัฐฯ ลดเกินคาด

หุ้นโตเกียว-เอเชียเช้าบวกตามดาวโจนส์