AIA เปิดตัวบลจ.บริหาร 8.47 แสนลบ. ชูค่าฟีกองทุนลดหนุนผลตอบแทนลูกค้า

HoonSmart.com>> กลุ่มเอไอเอ เปิดตัว “บลจ.เอไอเอ” ในไทย บริหารพอร์ต 8.47 แสนล้านบาท สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ มุ่งบริหารจัดการกองทุนรวมภายใต้กรมธรรม์ยูนิต ลิงค์ เชื่อมโอกาสลงทุนผ่านเครือข่ายทั่วโลก ชูจุดเด่นค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนรวมเชิงรุกลดลง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ลูกค้า พร้อมเปิดตัว 5 กองทุนใหม่ลงทุนในประเทศ ปลายปีออกกองทุนต่างประเทศ มองราคาหุ้น ตราสารหนี้แพงทั่วโลก

นายมาร์ค โคนิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า กลุ่มเอไอเอ เล็งเห็นถึงศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาลของเอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้ ตลาดตราสารทุนและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การสนับสนุนด้านทรัพยากรหลายภาคส่วนจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ ซึ่งตลอด 82 ปีที่เอไอเออยู่คู่คนไทยมานั้นได้พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ โดยปัจจุบันกว่า 1 ใน 3 ของกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศไทยเป็นกรมธรรม์ของเอไอเอและถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดการลงทุนของไทย

สำหรับการเปิดบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอไอเอ (ประเทศไทย) จึงนับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งสำหรับเอไอเอในประเทศไทย เป็นหนึ่งในบลจ.ที่ใหญ่ที่สุดของไทย ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญในการบริหารและจัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ยาวนานและประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการการลงทุนทางการเงินมามากกว่า 3 ทศวรรษ โดยบลจ.เอไอเอจะมุ่งเน้นการดำเนินงานตามนโยบายการลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable investment) และการประกอบธุรกิจโดยยึดหลัก ESG (Environmental, Social and Governance) ที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล เช่นเดียวกับนโยบายของกลุ่มบริษัทเอไอเอที่เชื่อว่า การดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณภาพและคุณธรรมตามหลัก ESG จะสามารถเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืน

สุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง

นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ของเอไอเอ ประเทศไทยและเงินลงทุนในกองทุนรวมจากกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเอไอเอ ประเทศไทย เพื่อมอบบริการด้านการลงทุนและผลประโยชน์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันเอไอเอมีส่วนแบ่งตลาดยูนิตลิ้งค์ 53% เม็ดเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบันบลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมมูลค่า 8.47 แสนล้านบาท ปัจจุบันเงินลงทุนอยู่ในพันธบัตรรัฐบาล 5 แสนล้านบาท หุ้นกู้เอกชน 1 แสนล้านบาท พันธบัตรและเงินลงทุนต่างประเทศ 1.3 แสนล่านบาทและที่เหลือเป็นหุ้นไทย 1 แสนล้านบาท โดยมีทีมผู้บริหารจัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนกว่า 30 ปี ทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะประสานความร่วมมือกับเครือข่ายการลงทุนของกลุ่มบริษัทเอไอเอทั่วโลก ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อบริหารการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

“เม็ดเงิน 8.47 แสนล้านบาท เป็นเงินในกลุ่มเอไอเอ โดยไม่ได้จ้างบลจ.อื่นบริหารจัดการ จึงไม่ได้เป็นการดึงเงินกลับจากจากบลจ.”นายสุขวัฒน์ กล่าว

อย่าวไรก็ตามการก่อตั้ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จึงเป็นโอกาสดีที่ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของเอไอเอจะได้เปิดประตูสู่เครือข่ายการลงทุนระดับโลกของเอไอเอ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ที่มุ่งมั่นลงทุนเคียงข้างลูกค้า บริหารจัดการสินทรัพย์ผ่านความชำนาญและประสบการณ์ระดับโลก พร้อมการนำเทคโนโลยีการลงทุนขั้นสูงและมีความปลอดภัยสูงสุดมาใช้ในการทำงาน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ลงทุน โดยตั้งเป้า 3-5 ปีจะมีผลิตภัณฑ์ลงทุนครบทุกประเภทสินทรัพย์โดยรวมไม่เกิน 20 กองทุน โดยเป้าหมายการออกกองทุนเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ออกตามแฟชั่นเพราะสุดท้ายจะทำให้ลงทุนในราคาสูง

“บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ด้วยการขยายช่องทางในการลงทุนระดับสากล ผ่านเครือข่ายการลงทุนทั่วโลกและพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงยาวนานร่วมร้อยปี อาทิ BlackRock, Wellington Management และ Baillie Gifford เป็นต้น ซึ่ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะนำเงินลงทุนของลูกค้าไปลงทุนด้วยความใส่ใจ เสมือนเป็นเงินลงทุนของเราเอง” นายสุขวัฒน์ กล่าว

นายสุขวัฒน์ กล่าวว่า บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้จัดตั้งกองทุนรวมจำนวน 9 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศ 5 กองทุน และกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ 4 กองทุน โดยเน้นการลงทุนเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการบริหารความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ อย่างรอบคอบ โดยเบื้องต้นเปิดตัวกองทุนรวมในประเทศ 5 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอไอเอ ตราสารหนี้ระยะสั้น, กองทุนเปิดเอไอเอ อินคัม ฟันด์, กองทุนเปิดเอไอเอ เอ็นแฮนซ์ เซ็ท 50 กองทุนเปิดเอไอเอ ไทย อิควิตี้และกองทุนเปิดเอไอเอ ไทย อิควิตี้ ดิสคัพเวอรี่ ส่วนกองทุนต่างประเทศคาดว่าจะเปิดตัวได้ปลายปีนี้

สำหรับมุมมองการลทุนในขณะนี้มองว่าตลาดหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลกราคาค่อนข้างแพงจากความคาดหวังวัคซีนต้านโควิด-19 ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยังไม่ดี จึงบริหารพอร์ตอย่างระมัดระวังและยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนพอร์ตแต่อย่างใด ส่วนตลาดหุ้นไทยมองว่าไม่มีกลุ่มอุตสาหกรรมใดที่ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้มาก ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนด้วยหุ้นโลกและนโยบายการเงินผ่อนคลาย นโยบายการคลังและมาตรการของภาครัฐเอาเงินใส่กระเป๋าไปใช้ ซึ่งมองว่าหากวัคซีนสำเร็จจะทำให้ทุกอย่างค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น

“ปัจจุบันทั้งหุ้นและตราสารหนี้มีราคาแพง ขณะที่การออกกองทุนของเราเป็นการลงทุนระยะยาว นักลงทุนที่ลงทุนในยูนิตลิ้งค์มีเงินเข้าลงทุนทุกเดือน ไม่ต้องกลัวถูกไถ่ถอน จึงประเมินเงินที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อปี โดยไม่ได้มองว่าจะบริหาร AUM สูงเป็นอันดับหนึ่ง แต่มองที่ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอแก่ผู้ลงทุน รวมถึงต้นทุนการบริหารจัดการทีถูกลงส่งผลดีต่อผลตอบแทนรวมในที่สุด”นายสุขวัฒน์ กล่าว