HoonSmart.com>> เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ ทำรายได้ 97.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% กำไรสุทธิ 6.96 ล้านบาท หนุนงบครึ่งปีแรกโกยรายได้แล้ว 227.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.07% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 15.40 ล้านบาท พุ่งแรง 73.42% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันตุน Backlog ไว้ที่ 400 ล้านบาท และรอประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีก พร้อมรับโอกาสจากการขยายการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ส่วนเป้ารายได้ปีนี้วางไว้โต 10% มั่นใจจะเป็นไปตามนั้น
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (STC ) เปิดเผยถึง ผลการดําเนินงานงวดไตรมาส 2/2563 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 63) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการรวมจํานวน 97.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.65 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการฟื้นตัวของงานภาคเอกชนในพื้นที่เมืองพัทยา และงานสาธารณูปโภคของภาครัฐ มีกําไรสุทธิเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6.96 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯ สามารถทํายอดขายได้เพิ่มขึ้น และสามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ลดลง โดยยังคงความสามารถในการรักษาอัตรากําไรขั้นต้นได้อย่างดี มีกําไรขั้นต้นอยู่ที่ 27.42 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28 ของรายได้จากการขายและบริการ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการรวมจํานวน 227.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.54 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.07 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 196.22 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.52 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 73.42 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8.88 ล้านบาท
“ภาพรวมไตรมาส 2/2563 มีการเติบโต ในท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีการ
ล็อกดาวน์ปิดเมืองในจังหวัดชลบุรีราว 1 เดือน แต่ STC ไม่กระทบสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากงานก่อสร้างยังคงเดินหน้าส่งมอบได้ตามแผน รวมทั้งงานนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการลงทุน EEC ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น อีกทั้ง ปกติในไตรมาส 2 จะเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน และวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ แต่บริษัทฯ มีออเดอร์ในมือที่รอส่งมอบทำให้ยอดขายเติบโต และความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นขึ้น จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยในงวดไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ผันแปรตามยอดขายที่สูงขึ้น และมีค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง 1.34 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการนําเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชําระคืนเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงิน” นายเอกชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มีสัดส่วนงานภาคเอกชนอยู่ที่ 20% และงานภาครัฐ 80% ส่วนใหญ่เป็นงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาล และเป็นโปรเจ็กต์ต่อเนื่องระยะยาวครอบคลุมการให้บริการในพื้นที่ภาคตะวันออกเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และขยายไปยังพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กระตุ้นให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ บริษัทฯ เห็นสัญญาณงานภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการที่อยู่อาศัย
แนวโน้มครึ่งปีหลัง ปี 2563 คาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงทยอยส่งมอบงาน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอส่งมอบราว 400 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานประเภทสาธารณูปโภคพื้นฐาน จ่อรอรับรู้รายได้ในปี 2563 เป็นส่วนใหญ่ รวมทั้ง ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์คอนกรีตใหม่ตอบสนองงานระบบ Landscape ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์เก่า เริ่มมียอดขายเข้ามาในไตรมาส 3 นี้บางส่วนแล้ว และยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญารับงานใหม่เพิ่มเติมอีก จึงมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้คาดจะเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ 422 ล้านบาท มั่นใจจะเป็นไปตามที่วางไว้ได้