ก.ล.ต.สั่ง “ภูริช นานาวราทร” และ “พลโทวัฒนา เพ็ชรมงคล” 2 กรรมการ IEC ชี้แจงไม่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของกิจการ ต้นเหตุประชุมล่ม เหตุไม่ครบองค์ประชุม อาจเข้าข่ายไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 89/7 ให้ชี้แจงกลับภายใน 12 ก.ค.นี้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้กรรมการบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC) ราย ได้แก่ นายภูริช นานาวราทร และพลโทวัฒนา เพ็ชรมงคล ชี้แจงกรณีไม่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของกิจการ ซึ่งอาจเข้าข่ายไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 89/7 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
ตามที่ IEC ได้กำหนดวันนัดประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือนมิถุนายน 2561 ทั้งสิ้น 3 ครั้ง คือในวันที่ 6 17 และ 22 มิถุนายน 2561 ซึ่งมีวาระการประชุมสำคัญเพื่อการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของกิจการ อาทิ การแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและกำหนดค่าสอบบัญชีของบริษัท การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท เพื่อให้ IEC สามารถนำส่งงบการเงินต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ และเป็นการแก้ไขเหตุถูกเพิกถอนหลักทรัพย์ IEC จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน รวมถึงการพิจารณากรณีที่ผู้ถือหุ้นของ IEC ขอใช้สิทธิให้คณะกรรมการบริษัทเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535
อย่างไรก็ดี การประชุมดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากกรรมการ 2 ราย คือ นายภูริชและพลโทวัฒนา ไม่เข้าร่วมประชุม ทำให้เหลือกรรมการเพียง 3 ราย ซึ่งไม่ครบเป็นองค์ประชุม ตามคำวินิจฉัยของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ระบุว่า IEC ต้องมีกรรมการเป็นองค์ประชุมจำนวน 5 ราย
ก.ล.ต. พบข้อเท็จจริงว่า กรรมการทั้งสองรายข้างต้นไม่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัท ทั้งที่บริษัทประสบปัญหาที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน ประกอบกับ ก.ล.ต. ได้เคยมีหนังสือกำชับกรรมการ IEC ให้เข้าร่วมประชุมไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงอาจเข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริตในการดำเนินกิจการของบริษัท ตามมาตรา 89/7 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 281/2 ของพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน ก.ล.ต. จึงให้กรรมการทั้งสองรายดังกล่าวชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่และส่งเอกสารหลักฐาน เพื่อประกอบการพิจารณาต่อ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 12 ก.ค.2561 เพื่อจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป