“บ้านปู” ทุ่ม 2 พันลบ. ซื้อโรงไฟฟ้าพลังลมเวียดนาม 37.6 MW

HoonSmart.com>> “BANPU – BPP” ทุ่ม 2,065 ล้านบาท ซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลม El Wind Mui Dinh ขนาด 37.6 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม คาดแล้วเสร็จไตรมาส 4/63 เล็งลงทุนต่อเนื่องในเอเชีย-แปซิฟิก หนุนกำลังผลิตตามเป้า 6,100 เมกะวัตต์ภายในปี 68

บริษัท บ้านปู (BANPU) แจ้งว่า BRE Singapore Pte.Ltd (BRES) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด โดย BANPU และบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ถือหุ้น 50% ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้าพลังงานลม El Wind Mui Dinh ขนาด 37.6 เมกะวัตต์ ณ จังหวัด Ninh Thuan ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2563 มูลค่าการลงทุนจำนวน 66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,065 ล้านบาท โดยเงินลงทุนครั้งนี้มาจากกระแสเงินสดของ BANPU และ BPP ในสัดส่วนเท่ากัน

ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวอยู่ในระหว่างปฏิบัตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญาและการได้รับอนุมัติจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/2563

โรงไฟฟ้าพลังงานลม El Wind Mui Dinh เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.2562 และมีราคารับซื้อไฟฟ้า (FIT) ที่ 8.5 เซนต์สหรัฐฯ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง โดยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบสายส่งของประเทศเวียดนามให้แก่การไฟฟ้าเวียดราม (EVN) ตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เป็นระยะเวลา 20 ปี จากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมดังกล่าวบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จะมีกำลังการผลิตจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (committed capacity) รวม 814 เมกะวัตต์

สมฤดี ชัยมงคล

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู (BANPU) กล่าวว่า การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนามในครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter และนับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนให้กับบริษัทฯ รวมถึงเพิ่มรายได้และกระแสเงินสดจากพลังงานหมุนเวียนให้บ้านปูฯ

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดประเทศหนึ่ง และเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ยังคงขยายตัวสวนทางกับสถานการณ์ของโลก ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมายถึงโอกาสในอนาคตที่เปิดกว้างสำหรับบ้านปูฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มอีก 7 กิกะวัตต์ ส่งผลให้ประเทศเวียดนามจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมรวมถึงเกือบ 12 กิกะวัตต์ภายในปี 2568

“ในฐานะบริษัทที่บุกเบิกการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่เข้ามาในตลาดเวียดนาม โดยเฉพาะในจังหวัดนินห์ถ่วนที่เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญ บ้านปูฯ กำลังวางรากฐานสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยเพิ่มโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ และเพื่อมาเสริมพอร์ตพลังงานหมุนเวียนของเรา บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์พลังงานในระดับภูมิภาค ซึ่งก็คือการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เราสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เกือบ 7 แสนตันต่อปี หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 40 ล้านต้น ในส่วนของการลงทุนในอนาคตอันใกล้ บ้านปูฯ มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจซึ่งสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและต่อเนื่อง มีผลตอบแทนสูง และให้ผลตอบแทนระยะยาวสำหรับผู้มีส่วนได้เสียของเรา” นางสมฤดีกล่าว

กลุ่มบริษัทบ้านปูฯ ตั้งเป้าหมายที่จะสามารถผลิตไฟฟ้ารวม 6,100 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 โดยเน้นการลงทุนในตลาดที่ความต้องการใช้พลังงานมีการเติบโต โดยมีบริษัทบ้านปูเน็กซ์มุ่งมั่นนำทัพในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน รวมถึงเทคโนโลยีด้านพลังงานต่อไป รวมโรงไฟฟ้าพลังงานลม El Wind Mui Dinh บ้านปูฯ จะมีกำลังผลิตรวมจากพลังงานหมุนเวียน 919 เมกะวัตต์