HoonSmart.com>> “สมโภชน์ อาหุนัย” ซีอีโอ EA เปิดตัว MINE Smart Ferry จดทะเบียนเป็นเรือพลังงานไฟฟ้าลำแรกของไทย จุผู้โดยสารกว่า 200 คน ออกแบบและผลิตโดยคนไทย 100% พร้อมให้บริการเร็วๆ นี้ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนผลิตจากบริษัทกลุ่ม EA นำเทคโนโลยีการชาร์จ DC Fast Charger ของ EA Anywhere ชาร์จเร็วทั้งเรือและรถบัสไฟฟ้าภายใน 15-20 นาที สร้างระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าของไทย
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการพลังงาน และคณะอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้า สภาผู้แทนราษฎร ได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีการออกแบบ ผลิต และการพัฒนาธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม EA ประกอบด้วย โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เรือพลังงานไฟฟ้า MINE Smart Ferry ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยเป็นเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุด ออกแบบและผลิตโดยคนไทย 100% และได้รับการจดทะเบียนเป็นเรือพลังงานไฟฟ้าเป็นลำแรกของประเทศเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเตรียมการที่จะผลิตรถบัสไฟฟ้าเพื่อนำออกให้บริการแก่ประชาชนในเร็วๆ นี้ โดยนำเทคโนโลยี DC Fast Charge ที่ทันสมัยที่สุดของ EA Anywhere มาออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานด้วยเวลาการชาร์จที่สั้นที่สุด และประหยัดพลังงาน
“EA ได้นำเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตโดยบริษัทในกลุ่มของ EA มาใช้ออกแบบและผลิตเพื่อขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบโจทย์ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ ทั้งรถยนต์ MINE SPA1 และเรือไฟฟ้า MINE Smart Ferry ของเราที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และได้รับการจดทะเบียนจากกรมเจ้าท่าเป็นรายแรกของประเทศเรียบร้อยแล้ว”นายสมโภชน์ กล่าว
นอกจากนี้ยังได้นำรถบัสไฟฟ้ามาทดลองให้บริการตั้งแต่ปลายปี 2562 แล้ว และกำลังจะเริ่มผลิตจริงในต้นปีหน้า โดยจุดเด่นที่สำคัญที่สุดคือการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องอัดประจุไฟฟ้า DC Fast Charger ของ EA Anywhere ให้สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ภายในเวลาเพียง 15-20 นาที เท่านั้น ทำให้รองรับการใช้งานได้ตรงจุด ประหยัดค่าพลังงาน ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง มีความคล่องตัวในการขยายจุดติดตั้งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เรือ MINE Smart Ferry เตรียมจะให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ปากเกร็ด นนทบุรี ถึงใจกลางกรุงเทพบริเวณสาธร ด้วยเวลาในการเดินทางไม่ถึง 1 ชั่วโมง เพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่รวดเร็ว เลี่ยงปัญหาการจราจรบนถนน ติดแอร์ ติดเครื่องกำจัดเชื้อโรคในอากาศ มีความปลอดภัย กว้างขวาง สะดวกสบาย ประหยัดค่าเดินทางและปราศจากมลพิษจาก PM 2.5 อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงการเดินทางทางน้ำกับระบบขนส่งสาธารณะทางบกได้เป็นอย่างดี ด้วยอัตราค่าโดยสารที่น้อยมากเพื่อไม่เป็นภาระแก่ประชาชนนับเป็นการนำนวัตกรรมมาใช้ต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดในกลุ่ม EA แบบเต็มระบบ
สำหรับจุดเด่นของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของ EA คือ การสร้างและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร โดยมีเทคโนโลยีหลักคือแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่สามารถผลิตได้เองในกลุ่มและอยู่ระหว่างสร้างโรงงานแห่งใหม่ในไทย นอกจากนี้ยังได้ออกแบบและพัฒนา DC Fast Charger ของสถานีชาร์จ EA Anywhere ให้มีความทันสมัยที่สุดและเร็วที่สุด จนสามารถอัดประจุไฟฟ้าได้ภายในเวลาไม่เกิน 20 นาที ตามคุณสมบัติของยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ จึงรองรับการใช้งานทั้งของกลุ่ม EA และยานยนต์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่นๆ ได้เป็นอย่างดีซึ่งทั้งหมดนี้ เกิดจากการออกแบบอย่างลงตัว โดยทีมงานของ EA
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA กล่าวอีกว่าโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทย่อย ที่ชื่อบริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จำกัด นั้นจะใช้ทำการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MINE ปัจจุบันอาคารโรงงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักรและทดสอบการผลิต ซึ่งตามแผนการดำเนินงานจะเริ่มผลิตจริงในไตรมาสที่ 4/63 เพื่อเริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1 ให้กับลูกค้าที่ได้สั่งจองไว้ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ที่สุด คือ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิพัฒนา จำกัด กลุ่มผู้ให้บริการรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) ที่ลงนามจองสิทธิซื้อรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ไว้ โดยมั่นใจว่าจากปีนี้เป็นต้นไป จะเป็นโอกาสที่ดีที่คนไทยจะได้มีประสบการณ์ในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารูปแบบต่างๆ และได้เห็นถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ทางเลือกในการประหยัดพลังงาน ที่สะอาดปลอดภัย และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี
พร้อมกันนี้ กลุ่ม EA ได้นำเสนอความคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการการพลังงาน และคณะอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้า สภาผู้แทนราษฎร เพื่อสนับสนุนให้ภาครัฐออกมาตรการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ทั้งด้านผู้ผลิตรวมถึงกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค ด้วยมาตรการต่างๆ ในลักษณะเดียวกันกับที่หลายๆ ประเทศใช้อย่างได้ผล ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเกิดและเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่อไป