ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 200 จุด GDP ไตรมาสสอง -32.9%

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบกว่า 200 จุด หลังรายงาน GDP ไตรมาสสอง -32.9% แย่สุดในประวัติการณ์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วงยกแผง GDP เยอรมันหดตัว 10% ราคาน้ำมันดิบลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ที่ 26,313.65 จุด ลดลง 225.92 จุด หรือ 0.85% แต่พ้นจากจุดต่ำสุดของวัน หลังจากอยู่ภายใต้แรงกดดันข้อมูลจีดีพีไตรมาสสองที่ย่ำแย่กับข้อมูลตลาดแรงงานที่ยังสะท้อนถึงผลกระทบของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดจนไม่มีความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,246.22 จุด ลดลง12.22 จุด, -0.38%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,587.81 จุด เพิ่มขึ้น 44.87 จุด, +0.43%

ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนซื้อดักผลประกอบการไตรมาสสองของบริษัทขนาดใหญ่ในธุรกิจเทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซ ทั้งอัลฟาเบท แอมะซอน แอปปเปิล และเฟซบุ๊กซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกันราว 5 ล้านล้านดอลลาร์ที่รายงานหลังตลาดปิด

หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 0.52% หุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 0.60% หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 1.21%และหุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้น 0.97%

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ในประเทศ (Gross Domestic Product:GDP) ไตรมาสสองเบื้องต้นสะท้อนถึงผลกระทบของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ธุรกิจต้องระงับการให้บริการจากมาตรการล็อกดาวน์โดยหดตัว 32.9% เมื่อเทียบรายปี แม้ดีกว่า -34.6% ที่นักวิเคราะห์คาด แต่ย่ำแย่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำ

จีดีพีที่ติดลบยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงไปที่ระดับ 0.54% และกดดันหุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นเจพีมอร์แหน เชส หุ้นโกลด์แมนแซคส์ และหุ้นแบงก์ออฟอเมริกาลดลง 1.5% หุ้นซิตี้กรุ๊ปลดลง 3.1%

นอกจากนี้การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ 1.434 ล้านรายส่งผลให้จำนวนยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานสะสมเพิ่ม ณ วันที่ 18 กรกฎาคมเป็น 17.018 ล้านราย

ด้านการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ระหว่างพรรครีพับลิกัน พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวที่ไม่คืบหน้า ขณะที่โครงการการแจกเงินช่วยเหลือคนตกงานในมาตรการชุดเดิมจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 กรกฎาคม

นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีหลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเสนอให้เลื่อนเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 3 พฤศจิกายนที่กำหนด

หุ้นพี&จีเพิ่มขึ้น 2.42% จากกำไรและรายได้งวด 3 เดือนสุดท้ายของปีบัญชีดีกว่าคาด จากสินค้าสุขภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือนที่ได้รับความต้องการสูงขึ้นท่ามกลางการระบาดของไวรัส

หุ้นยูพีเอสเพิ่มขึ้น 14.4% จากกำไรและรายได้ไตรมาสสองดีกว่าคาด เพราะการขนส่งสินค้ากลุ่มสุขภาพสูงขึ้นช่วงการระบาดของไวรัส

หุ้นโคโนโค ฟิลลิปส์ลดลง 5.75% จากผลขาดทุนไตรมาสสองที่มากกว่าคาด เพราะความต้องการน้ำมันลดลงจากมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงการระบาดของไวรัส

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคารที่ลดลงกว่า 4% จากความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาสสองติดลบหนัก และจากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ไม่สดใส ขณะที่ยังกังวลต่อการระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19

ในเยอรมนี จีดีพีไตรมาสสองติดลบ 10.1% จากไตรมาสก่อน ทรุดตัวมากกว่า 9% ที่ตลาดคาด และเป็นการหดตัวมากสุดนับตั้งแต่ปี 1970

นักลงทุนยังเกาะติการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยกำไรต่อหุ้นของบริษัทในดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 42% ในไตรมาสสอง จากการรายงานผลการดำเนินงานไปแล้ว 40%

หุ้น Anheuser-Busch InBev ผู้ผลิตเบียร์ Budweiser เพิ่มขึ้น 1.38% หลังรายได้ไม่ได้ลดลงมาอย่างที่คาด เพราะธุรกิจในลาตินอเมริกา และเอเชียหนุน แม้กำไรลดลงกว่าคาดจากการตัดหนี้สูญ

หุ้นลอยด์ส แบงก์ลดลง 8% หลังกำไรก่อนภาษีครึ่งปีแรกลดลงมากกว่าคาด

หุ้น AstraZeneca ผู้ผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1.57% จากกำไรไตรมาสสองเพิ่มขึ้นและแจ้งว่าบริษัทได้เริ่มการทดสอบยาต้านไวรัสในคนระยะที่3

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 359.52 จุด ลดลง จุด, -2.16%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,989.99 จุด ร่วง 141.47 จุด, -2.31%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิด 4,852.94 จุด ร่วง 105.80 จุด, -2.13%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,379.65 จุด ลดลง 442.61 จุด, -3.45%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 1.35 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 39.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 42.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ตลาดหุ้นโตเกียว-เอเชียเช้าร่วงวิตก GDP สหรัฐฯ ทรุดหนัก