คลุกวงในหุ้น
โดย… สุนันท์ ศรีจันทรา
นักลงทุนที่ได้ฟังฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัดประเมินทิศทางตลาดหุ้นแล้ว คงจะรู้สึกใจหวิวไปตามๆ กัน เพราะโบรกเกอร์แห่งนี้ มองว่า ดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ มีโอกาสที่จะลงไปต่ำกว่า 1,500 จุดในปีหน้า
สมมุติฐานที่ทำให้มีมุมมองการลงทุนในแง่ลบ เกิดจากผลกระทบสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ โดยหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังมีท่าทีที่แข็งกร้าว ทำให้สงครามการค้าลุกลามบานปลาย จะทำให้การค้าโลกหดตัวลง ฉุดการส่งออกของไทยให้ชะลอ กระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งพึ่งพาการส่งออกประมาณ 70%
ส่วนกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะลดลงประมาณ 20% จากประมาณการปีนี้ จะมีกำไรต่อหุ้น 110.72 บาท จะลดเหลือ 92.71 บาทต่อหุ้นในปีหน้า
ฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัสประเมินว่า ดัชนีฯ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,772 จุด ภายใต้สมมุติฐานว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดจะเฉลี่ย 110.78 บาทต่อหุ้น โดยมีค่าพี/อี เรโชประมาณ 16 เท่า แต่ถ้าประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ปรับท่าทีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ดัชนีฯ ปีนี้อาจถอยลงไปต่ำกว่า 1,600 จุด
แม้ภาพการลงทุนปีนี้และปีหน้าจะถูกมองในแง่ร้าย แต่บล.เอเชียพลัส ก็ตั้งสมมุติฐานในสิ่งที่เป็นไปได้ และดัชนีฯ ที่อาจหลุด 1,600 จุดก็อยู่ไม่ไกลเกินจริง
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส มีมุมมองเชิงบวกอยู่เหมือนกัน เกี่ยวกับเงินทุนไหลออก โดยแม้ว่า ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เงินทุนยังคงไหลออก แต่แรงขายน่าจะจำกัดแล้ว แม้ว่าปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้นอีก 2 ครั้งและปีหน้าอีก 3 ครั้งก็ตาม
สำหรับการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ตัวเลขเมื่อสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม 2561 มีสัดส่วน 30.20% ของหุ้นทั้งตลาด เป็นการถือโดยตรง 23.20% และถือผ่านเอ็นวีดีอาร์ 7.01%
ต่างชาติเคยสร้างสถิติการขายหุ้นออกมากที่สุดในปี 2556 จำนวน 1.9 แสนล้านบาท แต่ปีนี้สถิติอาจถูกทำลาย เพราะสิ้นสุดวันที่ 27 มิถุนายน ต่างชาติขายหุ้นออกแล้ว 180,776.52 ล้านบาท
ดัชนีฯ ที่ทรุดตัวจากจุดสูงสุดเมื่อต้นปีที่ระดับ 1,850 ลงมาเหลือเพียง 1,600 จุดต้นๆ นักลงทุนอาจรู้สึกว่า ตลาดหุ้นเลวร้ายมากเกินพอแล้ว และน่าจะมีโอกาสตั้งหลักปรับตัวขึ้นมาได้
แต่ฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส กำลังส่งสัญญาณเตือนว่า ตลาดหุ้นอาจยังไปไม่ถึงจุดเลวร้ายที่สุด ราคาหุนยังไม่ได้ซึมซับรับข่าวร้ายจนจบสิ้นแล้ว เพราะถ้าสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจลุกลามบานปลาย ผลกระทบจะขยายวงต่อไป
และเศรษฐกิจ การลงทุน ตลาดหุ้นคงไม่อาจหลีกหนีผลกระทบที่จะกระหน่ำเข้ามาเป็นระลอกได้
สัปดาห์นี้ ดัชนีฯ พยายามดีดตัวกลับ โดยระหว่างชั่วโมงซื้อขาย มีแรงซื้อไกลเข้ามาผลักดันให้ดัชนีฯ กระเตื้องขึ้น จนดูเหมือนว่า ตลาดหุ้นกำลังจะพลิกสู่ช่วงขาขึ้น แต่ท้ายตลาดไปไม่รอด มีแรงขายอัดลงมา จนดัชนีฯ ทรุด และทำให้กันชนแนวต้านระดับ 1,600 จุดแคบลงทุนที
ไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่า จุดต่ำสุดของรอบนี้จะอยู่ที่ใด รู้กันแต่ว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นยังมีความเปราะบางและมีโอกาสแกว่งตัวลงจนหลุด 1,600 จุดได้ ซึ่งเป็นจังหวะที่จะรอคอยช้อนของถูกได้ โดยไม่ต้องรีบร้อน
นักลงทุนที่ได้เปรียบในขณะนี้คือ นักลงทุนที่พอร์ตยังว่าง ในกระเป๋าเต็มไปด้วยเงินสด พร้อมจับจ่ายของถูกในตลาดหุ้นอย่างสนุกมือ เมื่อเวลาและโอกาสมาถึง
แต่วันนี้ น่าจะยังไม่ใช่เวลาลุยเก็บหุ้น