“สารัชถ์” ทุ่ม 239 ล้านบาท ซื้อ GULF 7 ล้านหุ้น ราคา 34.21 บาท

HoonSmart.com>>ใครไม่สนใจหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ไม่เป็นไร “สารัชถ์ รัตนาวะดี ” มองเห็นโอกาส ให้นิติบุคคลในกลุ่ม เก็บ 7 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ย 34.21 บาท/หุ้น ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 239 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ก.ค.63    

ราคาที่ได้มาต่ำกว่าที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ขายออกเฉลี่ย 35.15 บาท/หุ้น และถูกกว่ามูลค่าเหมาะสมที่นักวิเคราะห์หลายแห่งคาดการณ์ไว้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เช่น บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้ราคาสูงที่สุด 45.40 บาท บล.บัวหลวงชี้เป้า 43 บาท บล.โนมูระ พัฒนสิน 40.20 บาท บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) 40.00 บาท บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) 39.00 บาท และบล.กสิกรไทย 36.25 บาท

นักวิเคราะห์บล.บัวหลวง-หยวนต้า (ประเทศไทย) มีความเห็นตรงกันว่าในช่วงนี้ราคาหุ้นปรับตัวลงเป็นจังหวะเหมาะในการ”ซื้อ” หุ้น GULF จากการเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหาร มองบวกต่อการเพิ่มทุน 1,066.65 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม 10 ต่อ 1 ในราคา 30 บาท/หุ้น

บล.หยวนต้าฯแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะ 2 เดือนขึ้นไป และถือเพื่อรับสิทธิ XR ให้ราคาเป้าหมาย 34.25 บาท มีความเห็นว่าการเพิ่มทุนเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย

ผู้บริหารมองว่าช่วยปลดล็อคความกังวลให้กับตลาดต่อความไม่มั่นใจเรื่องฐานะการเงินว่าจะเพียงพอต่อโครงการต่างๆที่อยู่ในท่อหรือไม่

นอกจากนี้ทุนที่เพิ่มขึ้น 10% ส่วนหนึ่งนำไปชำระคืนเงินกู้เดิมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าปัจจุบัน และลงทุนในโครงการใหม่ ทั้งที่ COD รวมถึงโครงการใหม่ทั้งในและต่างประเทศ

ไดลูชั่นที่เกิดขึ้นราว 10% น้อยกว่าอัตราการเติบโตของกำไรในปี 64 อย่างน้อย 40% จากโครงการ BKR2 ในเยอรมันสัดส่วน 50% ต้องใช้เงินลงทุนราว 1,200-1,500 ล้านบาท/ปี ซึ่งได้อัตราดอกเบี้ยต่ำลงจากประมาณการของบริษัทที่ 3.5% ขอกู้จริงได้ต่ำเพียง 2.0% ต่อปีเท่านั้น

ที่สำคัญ การเพิ่มทุนครั้งนี้จะได้เงิน 3.2 หมื่นล้านบาท อิงที่ D/E 3 เท่า จะมีเงินลงทุนได้สูงถึง 1.28 แสนล้านบาท เทียบเท่ากับสามารถลงทุนได้อีก 3,000-3,500 เมกะวัตต์ (MW)

บริษัทรีบเพิ่มทุนเปรียบเสมือนการส่งสัญญาณว่าโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังเจรจาอยู่อาจได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับขึ้นของประมาณการของ Consensus

ทั้งนี้โครงการที่อยู่ในขั้นตอนที่ประกาศแล้ว ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติเวียดนามขนาด 6,000 MW แบ่งเป็น 4 ระยะ ๆที่ 1 ขนาด 1,500 MW  ส่วนระยะที่ 2-4 อีก 4,500  MW และโครงการเขื่อนในประเทศลาวอีก 3 โครงการขนาด 2,366 MW ซึ่งมีแนวโน้มถือ 30-35% เริ่มทยอย COD ในปี 70-73 นอกจากนี้โครงการในโอมานยังมีความต้องการโรงไฟฟ้าอีกมาก และตลาดใหม่ในตะวันตก เช่น เยอรมัน และสหรัฐ หลังได้พันธมิตรรายใหญ่

ขณะที่บล.บัวหลวงมองว่า GULF คือหุ้นที่น่าลงทุน และเชื่อว่าราคาหุ้นกำลังจะกลับมาปรับตัวขึ้น เมื่อไม่มีข่าวร้ายในอนาคตแล้ว

ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า หุ้นส่วนใหญ่จะรายงานผลงานไตรมาส 2/63ที่อ่อนแอ แต่ GULF จะประกาศกำไรหลักทำสถิติใหม่ที่ 1,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากระยะเดียวกันปีก่อนและโต 14% จากไตรมาสแรก และกำไรสุทธิ 2,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากระยะเดียวกันปีก่อนและพลิกเป็นกำไรสุทธิ คาดว่ากำไรจะทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 และ 4 /63

อย่างไรก็ตาม บริษัทเพิ่มทุน 10% จาก 10,667 ล้านบาทมาอยู่ที่ 11,733 ล้านบาท จึงปรับลดประมาณกำไรหลักต่อหุ้นในระยะยาวลงในช่วง 7-9% และปรับลดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 63 ลงจาก 45 บาทมาเป็น 43 บาท แต่เชื่อว่าความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงต่อมีจำกัด หลังจากราคาปรับตัวลงมา 4 บาทในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ลดลง จะเพิ่มความสามารถด้านการลงทุนสำหรับการลงทุนใหม่ และแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2-4  ยังน่าตื่นเต้น

” GULF จัดสรรเงินเพิ่มทุนราว 20% เพื่อไปจ่ายคืนหนี้ จึงปรับลดสมมุติฐานดอกเบี้ยจ่ายลง และปรับประมาณการกำไรระยะยาวขึ้น 1-2% แต่จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจึงปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้นลง 7-9% และราคาเป้าหมาย เช่นเดียวกันเงินเพิ่มทุน เพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนเพิ่มขึ้นราว 1.28 แสนล้านบาท   และในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด  กดดันราคาสินทรัพย์ทั่วโลก  GULF จะสามารถเข้าซื้อทรัพย์สินได้ในราคาถูกได้อีกมาก”

ในช่วงนี้เราจะเห็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพิ่มทุนหลายแห่ง ในส่วนกัลฟ์ฯ เจ้าของไม่ทิ้งหุ้น กลับซื้อเพิ่มล็อตใหญ่ นักวิเคราะห์มองบวกมากถึงความสามารถในการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง และอำนาจในการก่อหนี้เพิ่มขึ้น รวมถึงโครงการในมือทั้งในและต่างประเทศมากมาย ยิ่งสร้างความมั่นใจถึงกำไรสร้างสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง น่าจะหนุนให้ราคาหุ้นวิ่งไปข้างหน้าได้ไม่ยากนัก