KBANK-SCB แข่งบริการ ลูกค้ามั่งคั่งสูง

แข่งเดือดในวงการธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะคู่ของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ลงสนามต่อสู้ในทุกธุรกิจ ในปี 2561 ต่างฝ่ายต่างก็ให้ความสำคัญกับการบริหารความมั่งคั่ง หรือ Wealth Management เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (high net worth Individual) หรือ HNWI นั่นหมายถึงผู้ที่มีทรัพย์สินเป็นเงินสดในธนาคาร หรือ เงินลงทุนที่มีมูลค่ารวมมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 33 ล้านบาท

แบงก์ไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย ต่างใช้กลยุทธ์เลือกจับคู่เป็นพันธมิตรกับบริษัทข้ามชาติฝีมือติดอันดับโลก KBANK ผูกมิตรกับ Lombard Odie หรือ ลอมบาร์ด โอเดียร์ ส่วน SCB เลือก Julius Baer ‘จูเลียส แบร์’ กลุ่มธุรกิจบริการไพรเวตแบงกิ้งจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมา เบื้องต้น SCB ถือหุ้น 60% และ Julius Baer ถือ 40%

ธุรกิจ Wealth Management สำคัญอย่างไร

ท้องทะเลแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล BCG Global Wealth Report รายงานว่า ตลาดบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประมาณการว่าลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูงมีอยู่ประมาณ 30,000 คน ซึ่งในปี 2559 ความมั่งคั่งเติบโต 12.7% และ13.3% ในปี 2560

กสิกรไทยให้มากกว่าผลตอบแทน

“จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์” Private Banking Business Group Head ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจนี้มีการแข่งขันกันสูงมาก ขณะที่คู่แข่งให้ความสำคัญกับเรื่องการลงทุนและผลตอบแทน กสิกรไทยมองกว้างและลึกกว่านั้น โดยเห็นว่าลูกค้ากลุ่ม HNWI มักมีความกังวลมากตามไปด้วย สินทรัพย์ยังมีความหลากหลาย ไม่จำกัดอยู่ในตลาดทุนเท่านั้น ในระดับโลกมีการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินต่างๆ มาใช้บริหารสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงเพื่อสร้างความเติบโตให้ทรัพย์สินเท่านั้น (To Grow) แต่ยังรวมถึง 2 เรื่องสำคัญคือ การรักษาสินทรัพย์ (To Keep) และการส่งต่อทั้งทรัพย์สินและธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น (To Pass)

“แม้เศรษฐกิจโลกจะไปในทางใด แต่ลูกค้าไพรเวทแบงก์ของธนาคารกสิกรไทย ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปราศจากความกังวล เพราะได้นำเสนอนวัตกรรมด้านการลงทุนในหลากหลายมิติ เพื่อเป็นทางเลือก พร้อมเพิ่มความสามารถทั้งในการรับและปรับความเสี่ยงของพอร์ต ด้วยคำแนะนำบนหลักการหักกลบความเสี่ยง เน้นลงทุนระยะยาว และการนำเงินเข้าลงทุนตลอดเวลา เพื่อสะสมผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป”

เพิ่มเงินลงทุนจากสินทรัพย์ทุกประเภท

ปัจจุบันลูกค้าไม่เพียงนำเงินมาลงทุน แต่อาจมีสินทรัพย์อื่นที่ไม่มีสภาพคล่องเท่าเงินสดมาลงทุนได้ เช่น ธุรกิจของครอบครัว ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งธนาคารฯ มีบริการ การบริหารความมั่งคั่ง ที่ผสานองค์ความรู้กว่า 222 ปีจากลอมบาร์ด โอเดียร์ เข้ากับความเข้าใจในตลาดไทย เพื่อพัฒนาเป็นบริการในแบบฉบับคนไทย ครอบคลุมทุกความต้องการ ซึ่งถือเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่สามารถส่งมอบบริการนี้ได้อย่างครบถ้วน

“กสิกรไทยเลือกเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ชั้นนำระดับโลกอย่างลอมบาร์ด โอเดียร์ ทำให้สามารถนำเสนอคำแนะนำ พร้อมจัดวางเครื่องมือที่หลากหลายเพื่อใช้จัดการและบริหารความมั่งคั่งของลูกค้าได้ในองค์รวม ขึ้นกับความเหมาะสมของลูกค้าหรือสภาพตลาดในช่วงนั้น และยังช่วยยกระดับให้ธนาคารฯ มีความสามารถทัดเทียมกับสถาบันการเงินระดับโลก อีกทั้งยังผสานจุดแข็งของความเป็นที่หนึ่งในตลาดประเทศไทยกับจุดแข็งด้านการเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในการตลาดโลกกว่า 222 ปี ของลอมบาร์ด โอเดียร์ สร้างเป็นบริการที่ครอบคลุมมากที่สุดและโดดเด่นที่สุดในประเทศไทย”

ขยายผลิตภัณฑ์การลงทุนเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท

“แซมมี่ ชาร์” นักเศรษฐศาสตร์มือหนึ่งระดับโลกจากเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มองเศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ดี ไร้สัญญาณวิกฤติ ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน และประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ พร้อมพัฒนาศักยภาพการให้คำแนะนำจัดพอร์ตลงทุนและขยายผลิตภัณฑ์การลงทุนเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังต่อยอดบริการความมั่งคั่งให้ลูกค้าเศรษฐีไทย ครอบคลุมทุกความต้องการ รองรับการเติบโต และยืนหยัดความเป็นผู้นำในธุรกิจนี้

“ไทยพาณิชย์-จูเลียส แบร์”ไว้ใจได้

ทางด้านธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อคราวที่เซ็นสัญญากับ จูเลียส แบร์ ร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ สำหรับการให้บริการบริหารความมั่งคั่งของผู้ที่มีสินทรัพย์ 100 ล้านบาท เมื่อประมาณเดือนมี.ค.2561 “อาทิตย์ นันทวิทยา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ปัญหาของลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงในประเทศไทยคือ ไม่มีทางออกในการลงทุน ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีข้อจำกัด และมีอุปสรรคเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ

สมมติว่า มีการแนะนำให้ไปลงทุนที่ต่างประเทศ ลูกค้าอาจจะไม่ไว้ใจ เพราะเงินไม่ใช่จำนวนน้อยๆ Julius Baer มาช่วยตรงนี้ได้มาก เช่น ลูกค้ามีหุ้นไทยมูลค่า 200 ล้านบาท อยากจะเปลี่ยนเป็นหุ้นต่างประเทศ ซึ่งทางจูเลียส แบร์ มีความเชี่ยวชาญ สามารถให้คำแนะนำได้ว่าลงทุนต่างประเทศที่ไหนให้ผลตอบแทนดี

ขณะเดียวกันบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ก็ดำเนินธุรกิจสอดรับกับธนาคารแม่ ในการช่วยบริหารเงินลงทุนทุกประเภทให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุนรวม ตราสารหนี้ พร้อมให้บริการกับลูกค้าทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ หรือ เจนสังเวียนมาแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังช่วยบริหารสภาพคล่องให้ด้วย ลูกค้าสามารถนำตราสารหนี้ไปฝากไว้ บล.ไทยพาณิชย์จะมีระบบช่วยเตือนเรื่องช่วงเวลาในการรับดอกเบี้ย เพื่อนำไปต่อยอดลงทุนต่อในจังหวะและที่ที่ถูกต้อง

บริการดีๆ ที่ธนาคารพาณิชย์แข่งขันกันให้กับลูกค้า เชื่อว่าผลประโยชน์โดยรวมจะตกอยู่กับนักลงทุน แต่หากไม่แน่ใจ สามารถขอคำปรึกษาหรือหาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ เชื่อว่าจะปลอดภัยและสบายใจ!