HoonSmart.com>> “ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้” เปิดงบไตรมาส 1/63 รายได้พุ่งแตะ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% อานิสงส์ยอดขายในประเทศทะยาน 47% เมื่อเทียบงวดปีก่อน หนุนกำไรดำเนินงาน 61 ล้านบาท ถูกพิษโควิด-19 ขาดทุนค่าเงิน ฉุดขาดทุนสุทธิ 41 ล้านบาท เผยปรับกลยุทธ์รับมือมั่นใจสถานการณ์คลี่คลายออเดอร์กลับ หนุนผลประกอบการดีขึ้น
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ของปี 2563 และปี 2562 งบการเงินรวมของบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ เท่ากับ 41 ล้านบาท และกำไรสุทธิ เท่ากับ 39 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งมีผลมาจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลักของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ของปี 2563 และปี 2562 จำนวน 102 ล้านบาท และ 14 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ในการขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract และ Forward Option) ในไตรมาส 1 ของปี 2563 และปี 2562 เท่ากับ 67 ล้านบาท และ 4 ล้านบาทตามลำดับ โดยขาดทุนเพิ่มขึ้น 63 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ซึ่งไม่สามารถคาดคะเนได้นั้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ยังมีผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงสถานะเงินลงทุนในบริษัทย่อย FPI AUTOPARTS INDIA PRIVATE LIMITED จำนวน 22 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ของปี 2563 โดยมีสาเหตุหลักจากการที่บริษัทฯ ได้เข้าทำการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม 55% ในราคาหุ้นละ 8.6369 อินเดียรูปีรวมถึงค่าเงินอินเดียรูปีที่อ่อนค่า ลงประมาณ 17% จึงต้องทำการตีมูลค่าเงินลงทุนใหม่สำหรับหุ้นเดิมที่บริษัทฯ ถืออยู่ 45% ในราคาพาร์ 10 อินเดียรูป
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ของปี 2563 และปี 2562 มีรายได้รวม 536 ล้านบาท และ 484 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 52 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 11% โดยมีรายได้จากการขายและบริการของไตรมาส 1 ของปี 2563 และปี 2562 เป็นเงิน 530 ล้านบาท และ 481 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นเงิน 49 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 10%
สาเหตุหลักมาจากยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47% จากการขายงาน OEM ของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ไดฮัทสุ มิตซูบิชิ และ มาสด้า BT50 โดยบริษัทฯขายสินค้าผ่านบริษัทในประเทศไทยเพื่อส่งออกไปในประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆและยอดขายต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น 29 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12% จากการขายให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ในประเทศซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น เนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2563 นี้ ประเทศผู้ขายหลายประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่เชื้อกระจายเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ส่งผลให้มีการปิดประเทศ เช่น ประเทศจีน และ มาเลเซีย ดังนั้นลูกค้าจึงหันมาทำการซื้อและสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก
“แม้ว่าตลอดช่วงครึ่งปีแรก เราจะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 เนื่องจาก FPI เป็นบริษัทผู้ส่งออกอะไหล่ชิ้นส่วนยานยนต์ เมื่อมีการปิดประเทศต่าง ๆ ทำให้ทางบริษัทได้รับผลกระทบพอสมควร แต่บริษัทได้พยายามปรับกลยุทธ์ในการผลิตและส่งมอบ โดยปัจจุบันในส่วนของงานผลิต ได้มีการผลิตแบบ Full capacity ส่งผลให้บริษัทสามารถผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ได้ในทุกรุ่นทุกแบบ ซึ่งเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย เราจะสามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น จากเดิมที่ลูกค้าต้องพรีออเดอร์และรอสินค้า และเราคาดว่า ผลประกอบการจะเริ่มกลับมาดีขึ้นในเร็ววัน จากมาตรการผ่อนคลายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง”นายสมพล กล่าว
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าภาคอุตสาหกรรมการยานยนต์หลาย ๆ ค่ายจะได้รับผลกระทบ แต่สำหรับ FPI ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ แบบ OEM และ REM ต้องยอมรับว่า OEM อาจจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่สำหรับ Replacement แล้ว ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คงต้องรอให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย และเชื่อมั่นว่าออเดอร์ต่าง ๆ จะกลับมาในเร็ววัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 4% จากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 31.62 ในไตรมาส 1 ปี 2562 เป็น 30.34 ในไตรมาส 1 ปี 2563 ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอัตรา 10%
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1 ของปี 2563 และปี 2562 บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน เท่ากับ 61 ล้านบาท และ 53 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 15%