บลจ.ทิสโก้ ออก “ทริกเกอร์ฟันด์” ซื้อหุ้นเทคโนโลยีจีนจังหวะย่อตัว

บลจ.ทิสโก้ จับจังหวะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนย่อตัว เสิร์ฟกองทุนทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี ทริกเกอร์ 5M#1 ตั้งเป้าผลตอบแทน 5% ภายใน 5 เดือน เชื่อมั่นผลประกอบการโตต่อเนื่อง ฐานลูกค้าในจีนยังขยายได้อีก เสนอขาย IPO 28 มิ.ย.- 4 ก.ค.2561

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาเทคโนโลยีของจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีบทบาทต่อวงการเทคโนโลยีโลกเพิ่มขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจจีนช่วยผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยีของจีนเติบโต ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในจีนมีจำนวน 772 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมด 1,400 ล้านคน ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าจำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทั้งหมดของสหรัฐและอินเดียรวมกัน แต่เมื่อดูสัดส่วนต่อประชากรแล้วพบว่าอยู่ในระดับเพียง 55% ของประชากรทั้งหมดของจีน น้อยกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่มีสัดส่วนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมากถึง 90% ของประชากรทั้งหมด แม้บริษัทเทคโนโลยีจีนจะครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในทุกกลุ่มธุรกิจออนไลน์ของจีน แต่จะเห็นได้ว่าช่องว่างในการขยายฐานลูกค้าของบริษัทเทคโนโลยีในจีนยังมีอีกมาก

นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในจีนยังขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก บลจ.ทิสโก้จึงประเมินว่าในระยะต่อจากนี้ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง จีน และสหรัฐฯ จะเติบโตต่อได้อย่างโดดเด่น ซึ่งที่ผ่านมาหลังมีข่าวเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ประกอบกับ Facebook เกิดประเด็นข่าวว่าทำข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนปรับตัวลงรับข่าวที่เกิดขึ้น แต่บลจ.ทิสโก้มองว่า ปัจจัยข้างต้น เป็นเพียงปัจจัยกดดันให้ราคาปรับตัวลงในระยะสั้นเท่านั้น ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการหาจังหวะเข้าลงทุน

บลจ.ทิสโก้จึงจับจังหวะนี้เสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี ทริกเกอร์ 5M#1 (TCTEC5M1) ความเสี่ยงระดับ 7 (ความเสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ผ่านกองทุนอีทีเอฟ Invesco China Technology (กองทุนหลัก) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ดัชนีชี้วัดของกองทุนนี้ คือ AlphaShares China Technology โดยตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท/หน่วยภายในระยะเวลา 5 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ ซึ่งการกำหนดเป้าหมายดังกล่าว ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนของกองทุน ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนแรก ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก และเป้าหมายดังกล่าวเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 28 มิ.ย.- 4 ก.ค. 2561

“การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของประเทศจีน ผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยีจีนเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่าง 3 บริษัทเทคโนโลยีของจีนที่เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระทั่งถูกขนานนามว่าเป็นสามทหารเสือของบริษัทเทคโนโลยีจีน หรือกลุ่ม “BAT” ประกอบด้วย Baidu , Alibaba , และ Tencent โดย Baidu ปัจจุบันครองตลาดการค้นหาข้อมูลออนไลน์กว่า 70% ของจีน ขณะที่ Alibaba ครองส่วนแบ่งการตลาดการซื้อสินค้าออนไลน์เกินกว่าครึ่งของจีน และ Tencent เจ้าของแอพพลิเคชั่น Wechat เป็นเจ้าตลาดในธุรกิจ Social Network และเกมส์ออนไลน์” นายสาห์รัชกล่าว

จากข้อมูลผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2018 บริษัทในกลุ่ม “BAT” ยังคงมีรายได้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดย Baidu มีรายได้เติบโต 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน Alibaba รายได้เติบโต 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและ Tencent รายได้เติบโต 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ที่มา : Bloomberg) ซึ่งไม่เพียงแต่การทำธุรกิจในประเทศจีนแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ปัจจุบันบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนหลายรายยังได้ขยายธุรกิจออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเทคโนโลยีที่จดทะเบียนทั้งในตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นสหรัฐฯ เติบโตได้อย่างโดดเด่น และมองไปยังอนาคตยังมีโอกาสที่บริษัทเหล่านี้จะยังสามารถเติบโตได้อีกมาก จากสัดส่วนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตต่อประชากรจีนยังต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค อีกทั้งเทคโนโลยียังกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ไปแล้วด้วย

กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี ทริกเกอร์ 5M#1ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสาร และกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยี จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก อีกทั้งเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจึงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน กองทุนจึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน