HoonSmart.com>>“สิงห์ เอสเตท” เผยวิกฤตโควิด มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ การลงทุนใหม่ เร่งขายทรัพย์เข้ากองทุน ยอมรับรายได้หายไปกว่า 50% จากเป้าที่ตั้งไว้ 2 หมื่นล้านบาท ตั้งงบลงทุน 5 ปี รวม 6.8 หมื่นล้านบาท ใช้ปีนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท ซื้อที่ดิน ลุยแนวราบ เตรียมเปิด 3-4 โครงการในครึ่งปีหลัง ประเดิมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 5 เมกะวัตต์ที่มัลดีฟส์ ส่วนธุรกิจโรงแรมของ SHR ประกาศแผน 5 ปี ขยายเพิ่ม 2 เท่า จาก 39 แห่ง เป็น 80 แห่ง เล็งซื้อกิจการทำเลท่องเที่ยว สร้างแบรนด์ รับจ้างบริหาร เพิ่มรายได้ประจำ
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจกลุ่มสิงห์ เอสเตทว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 บริษัทได้ปรับเป้ารายได้รวมในปี 2563 ลดลงมากกว่า 50% เหลือ 9,000 ล้านบาท จากเดิม 20,000 ล้านบาท โดยคาดว่า ไตรมาสที่ 4 ธุรกิจโดยรวมจะสามารถฟื้นตัวได้
“บริษัทฯ หวังว่าวิกฤตโควิด-19 จะผ่านพ้นไปโดยเร็ว แต่วิกฤต เราเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆที่น่าสนใจพร้อมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยจะพิจารณาการลงทุนตามความเหมาะสมและมีเกณฑ์ที่เข้มงวดในการตัดสินใจ เพื่อให้ได้สินทรัพย์ที่มีคุณภาพและโอกาสเพิ่มมูลค่าในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมรุกธุรกิจตอบโจทย์อนาคต ที่จะสร้างรายได้ประจำ เตรียมลงทุนในธุรกิจใหม่ พลังงานทางเลือก โครงการแรกที่จะเริ่มอยู่ที่ประเทศมัลดีฟส์ มีขนาด 5 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทฯ ในธุรกิจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “นายนริศกล่าว
กลุ่มสิงห์ฯจะเดินหน้าขยาย 3 ธุรกิจหลักตามแผน โดยธุรกิจที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน จะขยายไปยังทำเลใหม่ๆ สร้างสรรค์โครงการคุณภาพตอบรับโจทย์ New Normal ด้วยรูปแบบธุรกิจ New Living and Working Cluster ส่วนธุรกิจโรงแรม จะสร้างรายได้เพิ่มพร้อมมองหาพันธมิตรที่เหมาะสม ด้วยกลยุทธ์ Smart M&A และ Asset Light Model ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้เร็วแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ผ่านวิกฤตไปด้วยกัน ซึ่งการดำเนินธุรกิจของสิงห์ เอสเตท ยังคงอยู่บนปรัชญาการดำเนินธุรกิจ สร้างคุณค่าให้ชีวิต มุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนควบคู่กับการสร้างสังคมที่มีคุณภาพ และดูแลสิ่งแวดล้อมให้สวยงาม
ในช่วงวิกฤตโควิด-19 บริษัทฯ มีการดูแลและบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ และรักษาอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน อยู่ในระดับต่ำ 0.86 เท่า โดยใช้หุ้นบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ( SHR ) รวมทั้งขายสิทธิการเช่า 30 ปี ของอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์สให้กับกอง ทรัสต์เพื่อการลงทุนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME REIT) ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมและสามารถลงทุนขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยจะนำอาคารสำนักงานเมโทรโพลิศและพื้นที่ค้าปลีกซันพลาซาเข้ากอง REIT รวมถึงการออกหุ้นกู้ต่อไป
ส่วนแผนการลงทุนและการเติบโต 5 ปี (ปี2563-2567) ตั้งงบ 68,000 ล้านบาท ในปีนี้ใช้เงิน 12,000 ล้านบาท ซื้อที่ดิน 4,000 ล้านบาท ปรับปรุงอาคาร โรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง แหล่งเงินลงทุนมาจากกระแสเงินสด และกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
ขณะที่ธุรกิจที่พักอาศัย ในปี 63 มีสินค้าคงเหลือเพียง 1,000-2,000 ล้านบาท อยู่ในระดับที่จัดการได้ สามารถใช้นโยบายการขายในรูปแบบที่จะช่วยรักษาอัตรากำไรขได้ ส่วนครึ่งปีหลังโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 ที่มีมูลค่าโครงการกว่า 6,500 ล้านบาท ด้วยยอดขายเกือบ 70% จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาส 3 และบริษัทฯ คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ 3-4 โครงการ เน้นโครงการแนวราบ ส่วนปีต่อๆไป ยังคงเป้าหมายเดิมที่ 5-7 โครงการต่อปี
สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก ยังคงตั้งเป้าขยายพื้นที่สำนักงาน 300,000 ตารางเมตร ในระยะเวลา 5 ปี โดยในช่วงโควิด-19 ได้รับผลกระทบไม่มากนัก ส่วนธุรกิจโรงแรม ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า จะกระตุ้นยอดขายตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ และประเทศในภูมิภาคนี้ ยังมีแผนลงทุนในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ที่มีศักยภาพสูง ตั้งเป้าขยายธุรกิจจาก 39 โรงแรมเป็น 80 โรงแรม ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน 5 ปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งขยายการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยและอาคารสำนักงานไปในทำเลรอบเมือง และพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “New Living and Working” เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในอนาคต สำหรับอาคารสำนักงาน ในอนาคตจะยังคงมีความต้องการพื้นที่สำนักงานอยู่ในรูปแบบต่างๆ โดยบริษัทฯ พร้อมนำเสนอพื้นที่รูปแบบใหม่ “Workspace Solution” หลากหลายรูปแบบและหลายทำเล ตลอดจน Co-Working Space ในทำเลใหม่ เน้นเชื่อมโยงการทำงานผ่านระบบ IT ให้ลูกค้าในทุกที่ พร้อมจะเปิด Workspace ใน Concept ใหม่ ในปลายปีนี้ ที่อาคารซันทาวเวอร์ส เพื่อรองรับผู้เช่าที่ต้องการปรับพื้นที่การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ด้านนายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) เน้นกลยุทธ์สร้างพอร์ทโฟลิโอคุณภาพ ในรูปแบบ Smart M&A และ Asset Light Model ขยายธุรกิจโรงแรมตามเป้าหมายระยะยาวที่กำหนดไว้ เชื่อว่าการท่องเที่ยวจะค่อยๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4 เริ่มจากในประเทศไทย ในช่วงวิกฤตแม้ว่าธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบมาก แต่โอกาสทางธุรกิจก็ปรากฎชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน
บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามกลยุทธ์ Smart M&A มุ่งลงทุนโรงแรมที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ปรับปรุงเพิ่มศักยภาพให้กับสินทรัพย์ ตลอดจนการขายโรงแรมเข้ากอง REIT หรือผู้ซื้อที่ให้มูลค่าที่ดี รวมถึงการดำเนินกลยุทธ์สร้างรายได้เพิ่มจากการรับจ้างบริหารโรงแรมผ่าน Home Grown Brand คาดว่าจะเริ่มได้อย่างจริงจังในช่วงปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า ปัจจุบัน SHR ได้พัฒนาแบรนด์ SAii เป็นแบรนด์โรงแรมแรกของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“SHR ตั้งเป้าที่จะขยายจำนวนโรงแรมเป็น 2 เท่า จาก 39 แห่งทั่วโลกในปัจจุบัน เป็น 80 แห่ง ภายในเวลา 5 ปี มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในระดับบน และมอบประสบการณ์การพักผ่อนในรูปแบบที่แตกต่างและสร้างสรรค์ให้กับลูกค้า นอกจากนี้ SHR ได้พัฒนาแบรนด์ใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็วๆนี้ เป็นโมเดลธุรกิจช่วยสร้างรายได้ประจำให้มากขึ้น และเพิ่มการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง
นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมรุกธุรกิจตอบโจทย์อนาคต ที่จะสร้างรายได้ประจำ เตรียมลงทุนในธุรกิจใหม่ พลังงานทางเลือก โครงการแรกที่จะเริ่มอยู่ที่ประเทศมัลดีฟส์ มีขนาด 5 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทฯ ในธุรกิจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม