เคจีไอ แนะซื้ออ่อนตัว MTC-KTC-SAWAD

HoonSmart.com>>บล.เคจีไอ ชอบหุ้น MTC มากกว่า KTC-SAWAD แนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว หุ้นยังไม่ถูกมาก กำไรไตรมาส 2 ลดลง 17% จากไตรมาสแรก และไตรมาส 3 ลงต่อ  ยังถูกกดดันจากการแทรกแซงของธปท. มาร์จิ้นแคบลง

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นนอนแบงก์ MTC,KTC และ SAWAD คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/63 จะลดลง 17% จากไตรมาสแรก และทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  จากการตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้น และรายได้ที่ลดลงจากการติดตามหนี้เสียจะกระทบกับผลการดำเนินงานของ KTC ในขณะที่สินเชื่อที่ทรงตัว และสินเชื่อที่ลดลงจะกระทบกำไรของ MTC และ SAWAD คาดว่าสถานการณ์น่าจะลากยาวต่อไปในไตรมาสที่ 3

“ไตรมาส2/63 ที่คาดว่ากำไรจะลดลง 17% ถูกฉุดโดย KTC ที่ลดลงอย่างมาก เราใช้สมมติฐานว่ายอดการใช้จ่ายบัตรเครดิตที่ลดลง 25% จะกระทบกับรายได้ค่าธรรมเนียม และภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลงมากก็จะทำให้ติดตามหนี้เสียได้น้อยลง และบีบให้ KTC ต้องมีค่าใช้จ่ายสำรองฯ/สินเชื่อ (credit cost) เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรของ MTC/SAWAD ก็จะโตในอัตราที่ลดลง เนื่องจากสินเชื่อขยายตัวในอัตราที่แผ่วลง อัตราผลตอบแทนของสินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียม (โดยเฉพาะ SAWAD) ลดลงอย่างมาก และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพื่อลดการปล่อยกู้อัตราพิเศษสำหรับลูกหนี้เฉพาะราย “บล.เคจีไอฯระบุ

แนวโน้มผลประกอบการยังถูกกดดันจากการแทรกแซงของ ธปท. ก่อนหน้านี้ได้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อผู้บริโภคทุกประเภทลง 2-4% เพื่อลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อผู้บริโภค และการกำหนดอัตราอ้างอิงค่าธรรมเนียมการติดตามหนี้ ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะตกลงมาในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ P/E ของกำไรเฉลี่ย 2 ปีของ KTC อยู่ที่ 11เท่า MTC อยู่ที่ 20 เท่า และ SAWAD อยู่ที่ 15เท่า ซึ่งยังไม่ถือว่าถูกจนเกินไปเพราะถือว่าอยู่ในช่วงกลาง ๆ ของ P/E ระยะยาวเท่านั้น จึงแนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวโดยชอบหุ้น MTC มากกว่า KTC และ SAWAD

KTC ไม่สามารถตัดหนี้สูญในอัตราเร่ง ดังนั้น NPL  พุ่งขึ้นไปเป็นประมาณ 5 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ที่ 6.5%  เพิ่มขึ้นจาก 4% ในไตรมาสแรก/63และ 1% ใน ไตรมาส2/62 ส่วน MTC ก็เร่งปรับโครงสร้างสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูง/มีปัญหาซึ่งแสดงสัญญาณของการผิดนัดชำระ และใช้มาตรการให้ความช่วยเหลือ ทำให้บริษัทสามารถคงสถานะลูกหนี้ที่มีปัญหาให้ยังคงอยู่ในสินเชื่อชั้นปกติ (stage 1) และบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองไม่ให้โดดสูงขึ้นได้ สำหรับSAWAD สินเชื่อที่ความเสี่ยงสูง และอัตราผลตอบแทนสูงชะลอตัวลง และ NPL ก็อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้   เนื่องจากบริษัทเน้นปล่อยกู้สินเชื่อยอดสูง สินเชื่อ SME คาดว่าสัดส่วน NPL  น่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 5.4%  จาก 5% ในไตรมาส1/63