ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับหุ้น “ศรีตรังโกลฟส์” STGT เริ่มซื้อขาย 2 ก.ค. นี้

HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับหุ้นน้องใหม่ “ศรีตรังโกลฟส์” ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ของไทย มาร์เก๊ตแคป 4.8 หมื่นล้านบาท เริ่มซื้อขาย 2 ก.ค. นี้ ชื่อย่อ STGT

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “STGT” ในวันที่ 2 ก.ค.2563

STGT ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางสำหรับใช้ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ มีทั้งถุงมือธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์ บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี ทั้งนี้ STGT เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างโดยการควบรวมบริษัทในกลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยาง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ

STGT มีทุนชำระแล้ว 1,428.78 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวน 438.78 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุน เสนอขายให้บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนรายย่อย ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้มีอุปการคุณของบริษัท จำนวน 432.78 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของ STA และบริษัทย่อยของ STA จำนวน 2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 34 บาท และเสนอขายกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของ STGT และบริษัทย่อยของ STGT จำนวน 4 ล้านหุ้น ในราคา 30.60 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 14,904.92 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 48,578.52 ล้านบาท โดยมี บล. ฟินันซ่า เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย

น.ส.จริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า STGT เชื่อว่าบริษัทเป็นผู้ผลิตถุงมือยางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ ของโลก การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ พร้อมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน และต่อยอดโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินระดมทุนไปขยายและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้มากกว่า 50,000 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 2567 และ 100,000 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 2575 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

STGT มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่ม STA และครอบครัวสินเจริญกุล ถือหุ้น 66.1% นางสาวพูนสุข เชิดเกียรติกำจาย ถือหุ้น 2.3% และกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัทฯ และ STA ถือหุ้น 0.8%

โดย STGT มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามข้อบังคับบริษัทและตามกฎหมาย ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกำไรสะสมของ STGT ที่ปรากฎในงบการเงินเฉพาะกิจการ