วิจัยกสิกรฯ คาดส่งออกยางรถยนต์ไทยปีนี้หด 21% เผชิญวิกฤตโควิด

HoonSmart.com>> ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินส่งออกยางรถยนต์ไทยปี 63 หด 21% เผชิญวิกฤตโควิด-19 ประเด็นการไต่สวนทุ่มตลาดเพิ่มความเสี่ยงปี 64

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์กรณีสหรัฐฯ ประเทศผู้นำเข้ายางรถยนต์จากไทยเป็นอันดับ 1 เริ่มเปิดไต่สวนกรณีทุ่มตลาด (Anti-Dumping: AD) ยางรถยนต์กับไทย ซึ่งคาดว่าผลกระทบน่าจะอยู่ในวงจำกัดและในระยะสั้น ทั้งนี้เนื่องจากในระยะยาวไทยน่าจะยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเป็นฐานการผลิตยางรถยนต์โลกด้วยปัจจัยบวกสำคัญที่เหนือกว่าคู่แข่ง คือ ต้นทุนโดยรวมที่ต่ำกว่าในระยะยาว ขณะที่การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ของผู้ผลิตก็ยิ่งเสริมให้เกิด Economies of scale รวดเร็วขึ้น เป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายและเหมาะสมแก่ผู้ผลิตในการวางราคาจำหน่ายยางรถยนต์ในอนาคต

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การเพิ่มการลงทุนวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตยางรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับจากตลาดมากขึ้น น่าจะเป็นทางแก้ปัญหาการตอบโต้การทุ่มตลาดจากประเทศต่างๆได้ในระยะยาวที่เหมาะสมกว่าที่ผู้ผลิตจะเลือกใช้แทนการย้ายฐานการผลิตไปเรื่อยๆเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาดังกล่าว

สำหรับปี 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า มูลค่าการส่งออกยางรถยนต์ของไทยน่าจะลดลงเหลือเพียง 4,000 ล้านดอลลาร์ฯ โดยเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือหดตัวร้อยละ 21 จากปี 2562 ที่ส่งออกยางรถยนต์ไปเป็นมูลค่า 5,070 ล้านดอลลาร์ฯ โดยหากแยกระดับผลกระทบที่ได้รับของยางรถยนต์แต่ละประเภท ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกหดตัวอย่างรุนแรงเช่นนี้ การส่งออกยางรถยนต์สำหรับตลาดอะไหล่รถยนต์แม้ว่าจะหดตัวเช่นกัน แต่ก็น่าจะยังพอมีโอกาสเดินหน้าต่อไปได้ดีกว่าตลาดยางรถยนต์ OEM ซึ่งต้องเผชิญกับปัจจัยลบจากปริมาณการผลิตรถยนต์ใหม่ที่ตกลงอย่างหนักทั่วโลก

อย่างไรก็ตามแม้ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่สหรัฐฯกำลังเปิดไต่สวนกรณีทุ่มตลาดยางรถยนต์ ทว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะยังอยู่ในวงจำกัดและในระยะสั้น ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆแล้ว ในระยะยาวไทยน่าจะยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในการลงทุนเป็นฐานการผลิตยางรถยนต์ของโลกด้วยปัจจัยบวกสำคัญที่เหนือกว่าคู่แข่ง คือ ต้นทุนโดยรวมที่ต่ำกว่าในระยะยาว

ขณะที่การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในโรงงานผลิตยางรถยนต์ของผู้ผลิตยิ่งเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการผลิตระดับ Economies of scale รวดเร็วขึ้น ซึ่งเหล่านี้น่าจะช่วยให้ผู้ผลิตมีทางเลือกที่หลากหลายและเหมาะสมมากขึ้นในการวางราคาจำหน่ายยางรถยนต์ในอนาคต และหากผู้ผลิตยางรถยนต์เพิ่มความสำคัญในด้านการลงทุนวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตยางรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับจากตลาดมากขึ้น ก็จะยิ่งเสริมให้ธุรกิจหลุดพ้นจากปัญหาการตอบโต้การทุ่มตลาดจากประเทศต่างๆได้ในระยะยาว อันน่าจะเป็นหนทางที่เหมาะสมกว่าที่ผู้ผลิตจะเลือกใช้ทานการย้ายฐานการผลิตเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาดังกล่าวไปเรื่อยๆ

ส่วนในปี 2564 ผลสรุปสุดท้ายของการไต่สวนประเด็น AD ของสหรัฐฯต่อยางรถยนต์ไทย ที่คาดว่าจะทราบในช่วงเดือนม.ค.ปีหน้า น่าจะเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงต่อโอกาสในการส่งออกยางรถยนต์ไทยไปสหรัฐฯได้ในกรณีหากเกิดเหตุที่บางบริษัทโดนตัดสินว่ามีความผิดฐานทุ่มตลาดจริงจนโดนขึ้นภาษีตอบโต้ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบแบ่งออกเป็นกรณีตามโอกาสที่อาจจะโดนไต่สวนว่ามีความผิด ดังนี้

• กรณีร้อยละ 10 ของการส่งออกยางรถยนต์ไปสหรัฐฯโดนขึ้นภาษี AD อาจทำให้มูลค่าการส่งออกยางรถยนต์ในปี 2564 ลดลงกว่าที่ควรจะเป็นประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ฯ

• กรณีร้อยละ 25 ของการส่งออกยางรถยนต์ไปสหรัฐฯโดนขึ้นภาษี AD อาจทำให้มูลค่าการส่งออกยางรถยนต์ในปี 2564 ลดลงกว่าที่ควรจะเป็นประมาณ 640 ล้านดอลลาร์ฯ

• กรณีร้อยละ 50 ของการส่งออกยางรถยนต์ไปสหรัฐฯโดนขึ้นภาษี AD อาจทำให้มูลค่าการส่งออกยางรถยนต์ในปี 2564 ลดลงกว่าที่ควรจะเป็นประมาณ 1,270 ล้านดอลลาร์ฯ

อนึ่ง การส่งออกไปสหรัฐฯแม้จะมีโอกาสปรับลดลงเป็นมูลค่าสูงดังกล่าวเมื่อมองโดยทางตรงหากเกิดกรณีที่มีผู้ผลิตโดนขึ้นภาษี AD อันน่าจะมีผลทำให้ไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเพิ่มเติมจากที่อุปสงค์ตลาดยางรถยนต์โลกอ่อนแออยู่แล้วเป็นทุนเดิม ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปยังความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมต้นน้ำของไทยที่หน่วยงานต่างๆน่าจะต้องเฝ้าระวังและเข้ามาดูแลในระยะสั้นอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เกิดความต้องการใช้งานยางพาราในอุตสาหกรรมอื่น ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ระดับราคายางตกลงไปมากจากผลของอุปทานที่ล้นตลาด

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าหากเกิดกรณีโดนปรับขึ้นภาษี AD ผู้ผลิตยางรถยนต์ที่พอมีช่องทางสลับทำตลาดกับภูมิภาคอื่นได้น่าจะได้รับผลกระทบน้อย หรือแม้แต่บริษัทที่ไม่โดนภาษี AD อาจมีโอกาสในการส่งออกไปสหรัฐฯมากขึ้นเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯแทนที่บริษัทที่โดนปรับขึ้นภาษี AD ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีผู้ผลิตยางรถยนต์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานและเตรียมผลิตจำหน่ายในสหรัฐฯปีหน้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่โดนไต่สวนจากทางสหรัฐฯ และมีโอกาสเห็นตัวอย่างจากบริษัทอื่นทำให้สามารถปรับเรื่องราคาขายให้เหมาะสมได้ ยังผลให้โดยรวมแล้วผลกระทบที่เกิดกับไทยกรณีโดนภาษี AD จากสหรัฐฯ อาจไม่ได้รุนแรงมากอย่างที่มองกัน โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจจำเป็นต้องมีการพัฒนาปรับตัวขึ้นตลอดเวลาเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในทุกตลาดในระยะยาว