ITEL เซ็นสัญญาบริการโครงข่ายสาขา KTB ทั่วปท.มูลค่า 165 ลบ.

HoonSmart.com>> “อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม” ลงนามสัญญา “กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส” บริการจัดหาคู่สายวงจรเช่าธนาคารกรุงไทย มูลค่า 165 ล้านบาท หนุนแบ๊กล๊อกแตะ 4,532 ล้านบาท ตั้งเป้า 3-5 ปี ราได้เติบโต 20-30% ต่อปี

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL ) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2563 บริษัทฯ ได้เข้าลงนามสัญญากับบริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด โครงการจัดหาบริการคู่สายวงจรเช่า (Link) สำหรับธนาคารกรุงไทย-Primary Link มูลค่าสัญญา 165 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

โครงการดังกล่าวครอบคลุมสาขาของธนาคารกรุงไทย 1,559 สาขาทั่วประเทศ โดยมีระยะเวลาติดตั้ง 120 วันและระยะเวลาการให้บริการ 36 เดือน นับจากวันลงนามสีญญาหรือวันที่ผู้รับจ้างได้รับหนังสือแจ้งจากผู้ว่าจ้างให้เริ่มทำงานได้

นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดงานให้บริการโครงข่ายของบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 4,532.43 ล้านบาท และจากการที่บริษัทฯ ได้รับการพิจารณาให้ดำเนินโครงการดังกล่าว จะช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโครงข่ายของบริษัทฯ ที่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มกิจการขนาดใหญ่ โดยบริษัทฯ มีความพร้อมในทุก ๆ ด้านที่จะให้บริการโครงข่ายทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อต่อยอดให้ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่เติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน และผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงหนุนงานในมือ (Backlog) ให้เพิ่มมากขึ้น มั่นใจโค้งสุดท้ายทิศทางธุรกิจยังส่งสัญญาณบวก

บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตว่า ภายใน 3-5 ปี รายได้ต่อปีจะต้องเติบโตประมาณ 20-30 % ขณะที่ อัตรากำไรสุทธิต้องการจะเติบโตให้ได้ 20% ภายในปี 2564 มาจาก 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.งานบริการโครงข่ายเชื่อมข้อมูล (Data Service) เติบโตเฉลี่ยต่อปี 20% ตั้งเป้าหมายรายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของรายได้รวม ปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานลูกค้าทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า, โรงภาพยนตร์, ปั๊มนํ้ามัน, ผู้ให้บริการมือถือ ฯลฯ 2. ธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่าย (Installation) สัดส่วน 30% ของรายได้ มีแนวโน้มเติบโตไปตามเทรนด์ 5จี 3.ธุรกิจให้บริการพื้นที่ศูนย์ข้อมูล (Data Center) มีสัดส่วน 10% ของรายได้ เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้นำในการให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ ปัจจุบัน มีอยู่ 2 แห่ง คาดภายในสิ้นปีนี้จะมีผู้ใช้บริการ 50% โดยอัตรากำไรขั้นต้นของปีนี้ คาดว่าน่าจะมีการปรับตัวดีขึ้น

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ยังสามารถดำเนินการธุรกิจต่อไปได้ โดยได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย โดยบริษัทฯมองว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้องค์กรทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต้องลงทุนพัฒนาระบบไอทีให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับขีดความสามารถในการแข่งขัน

ความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมารวมถึงการมีฐานลูกค้าจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมายใหม่ที่วางไว้ ถือเป็นเครื่องยืนยันว่าจะเป็นก้าวที่แข็งแกร่งของ ITEL ด้วยมูลค่างานในมือที่เพิ่มขึ้น และจะทยอยรับรู้เป็นรายได้เข้ามาตามความสำเร็จของงาน โดยจะเห็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยังไม่นับรวมงานโครงการใหม่ ๆ ที่จะทยอยเข้ามาเนื่องจากประสิทธิภาพและเสถียรภาพของโครงข่าย ซึ่งเป็นโอกาสของ ITEL ให้ได้รับงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับความเชื่อมั่นให้ดูแลงานโครงการขนาดใหญ่มาแล้วจำนวน มาก

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนรุกธุรกิจที่แข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปี ภายใต้การบริหารธุรกิจ 2 แนวทางได้แก่ แผนการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยหลังจากนี้เตรียมพัฒนาบริการการศึกษาผ่านทางไกลเพื่อรองรับเทรนด์ในปัจจุบัน และ การบริหารกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและมีสภาพคล่องที่ดี เพื่อให้มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในทุกสภาวการณ์ รวมถึงสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน คือ การยืนหยัดความเป็นโครงข่ายที่ลูกค้าเชื่อมั่น ดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุด และพร้อมช่วยเหลือสังคม เพื่อก้าวผ่านทุกสถานการณ์ไปด้วยกัน