HoonSmart.com>> “อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค” คาดปี 63 รายได้เติบโต 10-12% ออเดอร์ต่างประเทศเข้าต่อเนื่อง เตรียมงบ 30-40 ล้านบาท ลงทุนขยายเครื่องจักร รองรับออเดอร์ลูกค้า ด้าน META ลั่นปี 64 พลิกโชว์กำไร หลังตุนแบ๊กล็อก 5,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปี 63-64 ฟาก SCN คาดผลงานครึ่งปีหลังดีขึ้น
![](https://hoonsmart.com/wp-content/uploads/2020/06/อารักษ์-สุขสวัสดิ์-1200-2-e1591363015847-300x182.jpg)
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปี 2563 เติบโตประมาณ 10-12% จากปีก่อน จากคำสั่งซื้อในตลาดต่างประเทศเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีลูกค้าจากประเทศในตะวันออกกลาง ฟิลิปปินส์ และอินเดีย รวมถึงประเทศจีน ที่มีเครือข่ายในตลาดต่างประเทศอื่นๆ
นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาท เพื่อลงทุนขยายเครื่องจักร รองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
ส่วนการร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ประเทศเมียนมาร์ ขนาดกำลังการผลิต 220 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกับพันธมิตร โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 20% คาดจะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 200-300 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันจ่ายไฟเข้าระบบแล้วในเฟส 1 รับรู้ผลกำไรจากการลงทุนแล้วประมาณ 20 ล้านบาทต่อปี หากจ่ายไฟเข้าระบบครบ 220 เมกะวัตต์ ในปี 2564 จะทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี
![](https://hoonsmart.com/wp-content/uploads/2020/06/ศุภศิษฎ์-โภคินจารุรัศมิ์-1200-300x157.jpg)
ด้านนายศุภศิษฎ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าในปี 2564 จะสามารถกลับมามีกำไรสุทธิ เนื่องจากปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2563 และปี 2564 โดยปีก่อนหน้ามีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับ Backlog แบ่งเป็นงานรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ในเฟส 2-4 กำลังการผลิตรวม 170 MW รวมไปถึงโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท
ทั้งนี้จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้การดำเนินงานก่อสร้างล่าช้าไปบ้าง ทำให้ไม่เป็นไม่ตามแผนที่วางไว้ แต่ถ้าหากทำได้ตามแผน และสามารถรับรู้รายได้เต็มที่ คาดว่าจะสามารถกลับมามีกำไรได้ในปี 2564
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่บริษัทเข้าร่วมประมูลกับพันธมิตรประเทศเกาหลี เกี่ยวกับการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ มูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท ซึ่งที่ได้ชนะการประมูลไปแล้ว แต่ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนที่โดนฟ้องร้อง จากคู่กรณีที่ร่วมประมูล
ด้านดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า ผลงานครึ่งหลังของปี 2563 จะดีกว่าครึ่งปีแรก จากราคาแก๊สปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยได้เจรจากับภาครัฐ และ PTT เกี่ยวกับโครงสร้างราคา NGV ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะปรับระดับราคาให้อยู่ในระดับ 50% ของราคาน้ำมันดีเซล ทำให้เป็นตัวกระตุ้นในการใช้ NGV มากขึ้น
ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาเข้าร่วมประมูลรถเมล์ไฟฟ้าสัญญาเช่าของบริษัท ขนส่ง จำกัด หากมีความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวบริษัทจะชี้แจงความคืบหน้าอีกครั้ง รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อก่อสร้างติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป จำนวน 40 เมกะวัตต์โดยช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเซ็นสัญญากับลูกค้าใหม่อีกจำนวน 8 MW ซึ่งในปัจจุบันมีการเซ็นสัญญาแล้ว 12 เมกะวัตต์ ทำให้สิ้นปีนี้ได้งานรวม 20 เมกะวัตต์