KTAM คาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับขึ้นในระดับที่น้อยกว่าพันธบัตรต่างประเทศ เหตุสภาพคล่องสูง ออกกองทุนตรสารหนี้ 1 ปี ให้ผลตอบแทน 1.50% ต่อปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 189 เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2561 อายุ 12 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Agricultural Bank of China, AL Khalij Commercial Bank ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 18% China Construction Bank Asia, China Merchants Bank สัดส่วนสถาบันการเงินละ 14% Bank of Communications สัดส่วน12% Bank of China สัดส่วน 10%, Mashre Q Bank สัดส่วน 8% และ Industrial and Commercial Bank of China สัดส่วน 6% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี
อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มทรงตัว หรือปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ผ่านการไหลเข้าออกของเงินลงทุนต่างชาติ ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงครึ่งแรกของปีที่มีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีการขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปี ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณ จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 4 ครั้งในปีนี้ ในขณะที่ ECB ประกาศตรึงดอกเบี้ยยาวถึงหลังฤดูร้อนปีหน้า นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิ ประมาณ 2,550 ล้านบาท โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 2.55% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.80% ต่อปี อายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.92% ต่อปี
ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับขึ้นในระดับที่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรต่างประเทศ เนื่องจากไทยมีสภาพคล่องทางการเงินส่วนเกินในระบบอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ปริมาณตราสารหนี้ออกใหม่ก็ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการลงทุน และที่สำคัญประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50 % ต่อปีตลอดปี 2561 นี้ โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.71% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.12% ต่อปี อายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.80% ต่อปี