บลจ.กสิกรไทย ปันผล LTF 4 กองทุน เฟ้นหาหุ้นกำไรโตรับมือหุ้นผันผวน

บลจ.กสิกรไทย จ่ายเงินปันผลกองทุน LTF 4 กองทุน รวมกว่า 2,400 ล้านบาท ดีเดย์ 14 มี.ค.นี้ ชูผลงานกองทุนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แย้มกลยุทธ์ยังเน้นคัดเลือกหุ้นกำไรโต ราคาไม่แพง ลดความผันผวนจากการลงทุน

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จำนวน 4 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 – 28 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งประกอบด้วยกองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.79 บาทต่อหน่วย, กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ในอัตรา 0.94 บาทต่อหน่วย, กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล (K70LTF) ในอัตรา 0.56 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล (KGLTF) ในอัตรา 0.75 บาทต่อหน่วย โดยทั้ง 4 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียน ณ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 14 มีนาคม 2561 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 2,472.61 ล้านบาท

ธิดาศิริ ศรีสมิต

“สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ที่มีการจ่ายปันผลในครั้งนี้จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมากองทุนมีการจ่ายปันผลไปแล้วรวม 2 ครั้ง โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยที่ 6.58% – 7.39% ต่อปี สำหรับกองทุน KGLTF, K20SLTF และ KDLTF ส่วนกองทุน K70LTF ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 6.01% ต่อปี (ที่มา Bloomberg: ณ วันที่ 6 มี.ค. 61)” นางสาวธิดาศิริกล่าว

ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนของกองทุน K20SLTF, KDLTF และ KGLTF ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 18.28%, 15.35% และ 13.42% ตามลำดับ เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (SET TRI) ซึ่งอยู่ที่ 13.94% ส่วนกองทุน K70LTF ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 10.95% เทียบเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 9.94% ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี กองทุน K20SLTF, KDLTF และ KGLTF ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 25.29%, 25.75% และ 19.29% ตามลำดับ เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 21.07% ส่วนกองทุน K70LTF ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 18.24% เทียบเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 15.14% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 61)


สำหรับมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศแกนหลักที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนภายในประเทศมาจากการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะพื้นตัวดีขึ้นจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง รวมถึงการเบิกจ่ายการลงทุนภาครัฐ และการผ่านร่างพรบ. EEC ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนี้คาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในปีนี้น่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ความเสี่ยงจากเม็ดเงินลงทุนไหลออกค่อนข้างมีจำกัด เนื่องตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติอยู่ค่อนข้างน้อย

ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาในปีนี้ คืออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อจังหวะการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ รวมถึงการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯ และความกังวัลเกี่ยวกับการทยอยลดสภาพคล่องในระบบของธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาว โดยคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2561 อยู่ที่ระดับ 1,850 จุด ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ ยังคงเน้นการคัดเลือกหุ้น (stock selection) ที่มีแนวโน้มการเติบโตของอัตราผลกำไรอย่างชัดเจน รวมถึงหุ้นที่มีระดับ valuation ที่เหมาะสม เพื่อกระจายความเสี่ยงและช่วยลดความผันผวนจากการลงทุน