HoonnSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 100 จุด จากความกังวลใหม่ การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก 2.438 ล้าน รายสูงกว่าคาด ซ้ำเติมความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน หุ้นพลังงานลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 20พฤษภาคม 2563 ที่ 24,474.12 จุด ลดลง 101.78 จุด หรือ 0.41% จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนรอบใหม่ ทำให้นักลงทุนกังวลต่อข้อตกลงทางการค้าที่ได้ทำกันไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังมีการเปิดเผยการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสูงกว่าคาด แม้หลายรัฐทะยอยเปิดเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,948.51 จุด ลดลง 23.10 จุด, -0.78%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,284.88 จุด ลดลง 90.90 จุด หรือ 0.97%
เมื่อเปิดการซื้อขายตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยแต่จากนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังไอเอชเอส มาร์กิต เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 39.8 จาก 36.1 ในเดือนเมษายน และดีกว่า 39 ที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 36.4 สูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 27.0 เดือนเมษายน
ตลาดได้รับแรงกดดันจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น หลังจากวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act ซึ่งกำหนดให้บริษัทที่ต้องการเข้าถึงตลาดทุนสหรัฐต้องรายงานว่าไม่มีการถือหุ้นหรือลงทุนโดยรัฐบาลต่างประเทศ และยังให้อำนาจก.ล.ต.ห้ามการซื้อขายในหุ้นในบริษัทที่ผู้สอบบัญชีไม่ได้มีการตรวจสอบจากทางการสหรัฐฯติดต่อกัน 3 ปี ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้มีผลต่อบริษัทต่างประเทศทุกแห่ง และมองกันว่าจะมีผลต่อบริษัทจีนที่ต้องการระดมทุนเงินจากตลาดทุนสหรัฐฯ
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า บริษัทไป่ตู้ บริษัทจีนกำลังพิจารณาที่จะถอนตัวออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือไปจากการกล่าวหาจีนกรณีการจัดการกับไวรัส โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตว่า จีนไร้ความสามารถ จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากทั่วโลก และยังขู่จะตอบโต้จีนรุนแรงหากจีนออกกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงเพื่อจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง
กระทรวงแรงงานเผย การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วมีจำนวน 2.438 ล้านราย สูงกว่า 2.40 ล้านราย ที่นักวิเคราะห์คาด ส่งผลให้ชาวอเมริกันที่ว่างงานจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 มีจำนวนเกือบ 40 ล้านคน หรือราว 20% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด
ไอเอชเอส มาร์กิต เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 36.4 สูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 27.0 ในเดือนเม.ย.
Conference Board เผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) เดือนเมษายนลดลง 4.4% มาที่ระดับ 98.8 ลดลงมากที่สุดในรอบ 60 ปี
ตลาดยังอ่อนตัวลงจากการปรับตัวลดลงของกลุ่มพลังงาน แม้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.74% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.03% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 4.87% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ลดลง 1.2%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 33.92 ดอลลาร์/บาร์เรลดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 36.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หุ้นเบสต์บายลดลง 4.4% หลังกำไรในไตรมาสแรกลดลง แม้ยอดขายจากสาขาในประเทศไม่ได้ลดลงมากอย่างที่คาด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง จากความกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน แม้ข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนสะท้อนแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มทะยอนผ่อนคลายล็อกดาวน์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากองค์การอนามัยโลกระบุว่าจำนวนผู้ติดดชื้อรายใหม่ต่อวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้
ไอเอชเอส มาร์กิต เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเดือนพฤษภาคมยูโรโซนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 30.5 จากระดับต่ำสุด 13.6 ในเดือนเมษายน
ในเยอรมนีดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 31.4 จาก 17.4 ในเดือนเมษายน
ในอังกฤษดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 28.9 จาก 13.8 ในเดือนเมษายน
ในฝรั่งเศสดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 30.5 จาก 11.1 ในเดือนเมษายน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,015.25 จุด ลดลง 51.91 จุด, -0.86%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 340.26 จุด ลดลง จุด, -0.75%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,445.45 จุด ลดลง 51.52 จุด, -1.15%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิด11,065.93 จุด ลดลง 157.78 จุด, -1.41%