บล.เคทีบี มองหุ้นสัปดาห์นี้ดีดตัวขึ้น กรอบ 1,750-1,790 จุด

KTBST มอง หุ้นไทยสัปดาห์ (12-16 มี.ค.) ปัจจัยกระทบตลาดเริ่มลดลง ดัชนีมี Technical rebound กลับมา แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่ยังมีอยู่ ติดตามประเด็นเรื่องการค้าระหว่างประเทศ แนะกลยุทธ์เลือกหุ้นที่ราคาดีและไม่เสี่ยงต่อการเจอแรงขายหรือกลุ่ม laggard คาดดัชนีฯสัปดาห์นี้อยู่ที่ 1,750-1,790 จุด

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST มองหุ้นทยสัปดาห์นี้ (12-16 มี.ค.) ว่า ดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวบวกขึ้น หลังตลาดหุ้นปรับตัวลงไปมาก (technical rebound) ในช่วงสัปดาห์ก่อน ปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศทั้งเรื่องดอกเบี้ย และการขึ้นภาษีเหล็กและอนูมิเนียมของสหรัฐฯ มีการคลี่คลายลง แต่
อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามท่าทีของประเทศต่างๆว่าจะตอบรับต่อมาตรการการค้าของสหรัฐฯอย่างไร ขณะที่แรงขายหุ้นขนาดใหญ่อาจมีน้อยลงหลังถูกเทขายมามากในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ปัจจัยสำคัญที่ควรติดตาม คือในเรื่องท่าทีจากประเทศต่างๆต่อมาตรการของ ปธน. ทรัมป์ รวมทั้งการประกาศตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯในวันที่ 13 มี.ค.

กลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ยังคงแนะให้นักลงทุนพิจารณาขายหุ้นที่ราคาขึ้นมามากและขาดปัจจัยบวกเฉพาะตัว และโยกหุ้นจากกลุ่มเสี่ยงที่ถูกขายมาเน้นที่หุ้นที่ Valuation ดีๆ หรือหุ้น Defensive ในพอร์ตให้มากขึ้น เพื่อเตรียมรับการปรับตัวขึ้น (rebound) ของดัชนี ซึ่งในสัปดาห์นี้ KTBST ยังเน้นทั้งหุ้นที่มี Valuation ดี หรือมีความเป็น laggard เช่น PTTGC , CPALL, SCC , BGRIM รวมถึงหุ้นมีความเด่นเฉพาะตัว คือ TVO และหุ้นที่ราคาลงมามาก หรือมีแรงซื้อเข้ามาจนดูน่าสนใจ คือ BEC , BEM และ TOA คาดกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีฯสัปดาห์นี้อยู่ที่ 1,750-1,790 จุด

สำหรับปัจจัยในประเทศสำคัญที่ต้องติดตาม คือ แรงขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในสัปดาห์นี้เริ่มชะลอในตลาดเอเซีย เป็นเพราะตอบรับต่อทิศทางดอกเบี้ยและนโยบายภาษีที่ดูเป็นลบน้อยลง แต่ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ยังมีแรงขายอยู่บ้างเนื่องด้วยราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับขึ้นไปมากและมีการขายทำกำไรเข้ามาในตลาด

ขณะที่ราคาหุ้น ปตท. ยังผันผวนมีสลับบวก-ลบ ซึ่งมีผลต่อทิศทางดัชนีฯในแต่ละวัน หากคิดหักลบการปรับขึ้นของหุ้น PTT ตั้งแต่วันที่ประกาศแตกพาร์ ที่มีผลต่อดัชนีฯประมาณ 12 จุดออกไป จะพบว่าดัชนีฯวันนี้จะอยู่ที่ 1,762 จุด หรือมีการปรับฐานมาระยะหนึ่งแล้ว

นอกจากนนี้ต้องติดตามที่ประชุมครม.ว่าสัปดาห์นี้มีโอกาสที่โครงการรถไฟทางคู่สายเชียงใหม่-เด่นชัย มูลค่ารวมประมาณ 85,000 ล้านบาทเข้าที่ประชุม ครม. หลังจากรมว. คมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่าภายในเดือน มี.ค.-เม.ย. จะมีโครงการมูลค่ารวม170,000 ล้านบาทเข้าที่ประชุม ครม.