HoonSmart.com>> กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF เผยจำนวนผู้โดยสารระบบรถไฟฟ้า BTS เดือนเม.ย.อยู่ที่ 3.5 ล้านเที่ยว ลดลง 81.5% จากงวดปีก่อน คาดเริ่มทยอยเพิ่มมากขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย รัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ หนุนกองทุนจ่ายเงินปันผลผู้ถือหน่วยได้ปกติ
นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investmentบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลง และรัฐบาลเริ่มมีมาตรการผ่อนคลายให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น รวมถึงสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการจะกลับมาเปิดเรียนในเดือนก.ค.2563 ที่จะถึงนี้ ทำให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) คาดการณ์ว่า นับจากนี้ จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS จะค่อยๆ กลับมาสู่ภาวะปกติ อันจะส่งผลให้กองทุนฯ สามารถจ่ายเงินปันผลและหรือเงินคืนทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยได้ตามปกติ
อย่างไรก็ดี ในช่วงระยะนี้ กองทุนฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ เช่นเดียวกับอีกหลายธุรกิจ อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการปิดกิจการชั่วคราวในสถานบริการต่างๆ ประชาชนอยู่บ้านเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ รวมถึงการที่รัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 22.00 น. – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ส่งผลให้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารระบบรถไฟฟ้า BTS ของกองทุน จึงจำเป็นต้องปรับเวลาให้บริการรถไฟฟ้า BTS จากเดิมเวลา 06.00 – 24.00 น. เป็นเวลา 06.00 – 21.30 น.
“ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า BTS ลดลง โดยในเดือนเม.ย.2563 จำนวนผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า BTS อยู่ที่ 3.5 ล้านเที่ยว หรือคิดเป็นการลดลง 81.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จำนวนผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า BTS อยู่ที่ 11.7 ล้านเที่ยว ลดลง 45.2% อย่างไรก็ดี เหตุการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ทั่วโลกต่างก็เผชิญเช่นเดียวกัน ซึ่งเรามองว่าเหตุการณ์การแพร่ระบาดจะเกิดขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น กองทุนฯ เชื่อว่า การดำเนินงานของระบบรถไฟฟ้า BTS จะเริ่มทยอยกลับมาดีขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากการโดยสารรถไฟฟ้ายังคงเป็นทางเลือกที่รวดเร็ว สะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารในกรุงเทพมหานคร” นายพรชลิต กล่าว
ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ กองทุนฯ ตั้งใจที่จะประเมินมูลค่าทรัพย์สินใหม่ทุก 2 ปี แต่เนื่องจากมีเหตุการณ์ ที่เกิดผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ค่าโดยสารสุทธิ นั่นคือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 กองทุนฯ จึงให้ผู้เชี่ยวชาญประมาณการผลการดำเนินงานของระบบรถไฟฟ้าสายหลักที่กองทุนฯ ลงทุน เพื่อให้สะท้อนถึงผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงปัจจัยอื่นๆ และมีการปรับปรุงสมมติฐานต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น อาทิ การปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การปรับลดอัตราเงินเฟ้อ การเลื่อนการปรับปรุงสถานีสะพานตากสิน และการชะลอการเปิดรถไฟฟ้าสายต่างๆ เป็นต้น โดยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้ราคาประเมินครั้งนี้ลดลงจากครั้งก่อน โดยจากการประเมินค่าล่าสุด ราคาประเมินทรัพย์สิน ณ วันที่ 31 มี.ค.2563 อยู่ที่ 52,410 ล้านบาท
สำหรับ BTSGIF มีรายได้สุทธิที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายหลัก ครอบคลุมระยะทาง 23.5 กิโลเมตร ประกอบด้วย สายสุขุมวิท ระยะทาง 17 กิโลเมตร จากสถานีหมอชิตถึงสถานีอ่อนนุช และสายสีลม ระยะทาง 6.5กิโลเมตร จากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติถึงสถานีสะพานตากสิน ตามสัญญาสัมปทาน (สัญญาสิ้นสุดวันที่ 4 ธ.ค.2572)