SABINA มั่นใจ Q2/63 รักษากำไรฝ่าโควิด คุมต้นทุน-ผลิตหน้ากากผ้าขาย

HoonSmart.com>> “ซาบีน่า” มั่นใจไตรมาส 2/63 รักษากำไรฝ่าโควิด-19 เดินหน้าปรับไลน์ผลิตหน้ากากผ้าออเดอร์กว่า 5 ล้านชิ้น ช่องทางขายผ่านออนไลน์ยังโต หลังไตรมาส 1/63 ห้างปิดกระทบรายได้ ยังมีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท คุมต้นทุนค่าใช้จ่ายลด 10% พร้อมประเมินไตรมาส 3 กลับมาฟื้นตัวแข็งแกร่ง

บุญชัย ปัณฑุรอัมพร

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า (SABINA) ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการปิดห้างสรรพสินค้า แต่ซาบีน่าก็ยังสามารถสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากในเดือนเม.ย. บริษัทฯ ได้ออกสินค้าใหม่ในคอลเลคชั่น ThaiFruit ซึ่งเป็นชุดชั้นในลวดลายผลไม้ไทย สีสันสดใส ต้อนรับช่วงซัมเมอร์ โดยมีหน้ากากผ้าลวดลายเดียวกันออกมาวางจำหน่าย เน้นเจาะลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น

อีกทั้งในเดือนพ.ค.บริษัทฯ ยังได้วางจำหน่ายหน้ากากผ้า Triple Mask (ทริปเพิ้ล มาส์ก) ที่มีคุณสมบัติป้องกันฝุ่นและแบคทีเรีย ออกมาทำตลาดในช่องทางออนไลน์เช่นกัน ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า จะสามารถรักษาตัวเลขกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ไว้ได้ และคาดว่า ผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 70.44 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกของปี 2562 คิดเป็น 26.05% ขณะที่รายได้จากการขายอยู่ที่ 672.44 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12.66% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 10.3% ลดลงจาก 12.3% จากไตรมาสแรกของปี 2562 โดยปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรสุทธิและรายได้จากการขายลดลงนั้น มาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ที่ทำให้รัฐบาลสั่งปิดห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศเพื่อระงับการแพร่ระบาด โดยทยอยปิดตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้รายได้ช่องทางค้าปลีก (Retail) ผ่านเคาน์เตอร์และซาบีน่า ช็อปในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นช่องทางหลักได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

“แม้ว่ารายได้จากช่องทางรีเทลจะหายไป แต่ในไตรมาสแรก ซาบีน่ายังสร้างการเติบโตผ่านยอดขายในช่องทาง Non Store Retailing (NSR) ทั้งออนไลน์ ทีวี และอื่นๆ ที่ยังเติบโตเพิ่มขึ้นได้ 9% หลังจากบริษัทฯ ปรับกลยุทธ์ให้ผู้บริหารและพนักงานขายสินค้าผ่านทางโซเชียลให้มากขึ้น รวมถึงจัดกิจกรรมผ่านทางเฟซบุ๊ค ไลฟ์ ให้บ่อยขึ้น ขณะที่แคมเปญ “ตัวห่างแต่นมชิด” Stay Home Still DOOMM ที่เกาะกระแส Social Distancing เว้นระยะห่างระหว่างกัน สามารถสร้างกระแสฟีเวอร์ในโลกออนไลน์ ทำให้ยอดขายออนไลน์เติบโตได้ในระดับที่น่าพอใจ เช่นเดียวกับรายได้จากการส่งออก (Export) สินค้าแบรนด์ “ซาบีน่า” ไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) ที่เติบโตจากไตรมาสแรกของปีก่อน 31% เนื่องจากประเทศในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ช้ากว่าประเทศไทย ทำให้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ยังมียอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนช่องทางการรับผลิต (OEM) ให้กับลูกค้าในแถบยุโรป ลดลง 14.1% ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก” นายบุญชัยกล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซาบีน่า กล่าวว่า การที่บริษัทฯ ยังสามารถรักษาผลกำไรไว้ได้ในภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้ ถือว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนอีกประการมาจากในช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารได้ร่วมกันประเมินสัญญาณผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และพบว่าอาจจะส่งผลรุนแรงกว่าที่คาด ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจรื้องบประมาณใหม่ เพื่อหาแนวทางในการควบคุมต้นทุนด้านต่างๆ ส่งผลให้ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 10% โดยไม่มีการปิดโรงงาน ไม่มีการปลดพนักงานและไม่มีการลดเงินเดือน เพราะการดูแลพนักงานให้รอดพ้นจากภาวะวิกฤติถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของซาบีน่า

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังใช้ช่วงเวลานี้ในการฝึกทักษะต่างๆ ให้กับพนักงาน ทั้งงานด้านการขาย และการผลิต โดยซาบีน่าได้ตัดสินใจเปิดไลน์ผลิตหน้ากากผ้า เพื่อให้พนักงานมีงานทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจนถึงตอนนี้บริษัทฯ มีคำสั่งผลิตหน้ากากผ้าแล้วกว่า 5 ล้านชิ้นจากองค์กรชั้นนำต่างๆ โดยแผนการผลิตถูกวางไปจนถึงเดือนมิ.ย.

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 คาดได้รับผลกระทบมากขึ้นจากการปิดห้างสรรพสินค้าทำให้เหลือเพียงช่องทาง Online เท่านั้นแต่ฝ่ายวิเคราะห์รวมผลกระทบไว้ในประมาณการแล้ว

อย่างไรก็ตามแต่การกลับมาเปิดห้างสรรพสินค้าในสัปดาห์หน้าจะเป็น Catalyst ต่อราคาหุ้นเพราะจะทำให้ผลกระทบน้อยกว่าที่คาดได้ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 280 ล้านบาท -34.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คงราคาเป้าหมาย 21.60 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ เชิงกลยุทธ์ราคาหุ้นขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว อาจมีแรงขายทำกำไรได้