HoonSmart.com>> “โออิชิ กรุ๊ป” ไตรมาส 2/63 กำไรสุทธิ 371 ล้านบาท ลดลง 6.7% ผลกระทบ COVID-19 ฉุดรายได้ร่วง ครึ่งปีกำไร 729 ล้านบาท เพิ่มเล็กน้อยจาดกงวดปีก่อน บอร์ดเคาะปันผลระหว่างกาล 191 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นอัตรา 0.51 บาท ขึ้น XD 27 พ.ค.นี้ พร้อมจับมือพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุนลุยเปิดร้านอาหารชาบูชิในลาวภายในไตรมาส 2 รอบปีบัญชี 64
บริษัท โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2563 อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.51 บาท รวมเป็นเงิน 191.25 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 28 พ.ค.2563 ขึ้น XD วันที่ 27 พ.ค.2563 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 มิ.ย.2563
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2563 กำไรสุทธิ 371.53 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.99 บาท ลดลง 27 ล้านบาท หรือ 6.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 398.34 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.06 บาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2563 กำไรสุทธิ 729.02 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.94 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 725.99 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.94 บาท
บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมจำนวน 2,907 ล้านบาท ลดลง 575 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากผลกระทบของโรคระบาดไวรัสโควิด-19 โดยธุรกิจเครื่องดื่ม มีรายได้จากการขายและให้บริการจำนวน 1,562 ล้านบาท ลดลง 122 ล้านบาท หรือ 7.2% จากจากงวดเดียวกันของปีก่อน โควิด-19 ส่งผลให้ยอดส่งออกไปประเทศกัมพูชาและลาวซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของบริษัทปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตามบริษัทยังสามารถที่จะสร้างการเติบโตจากรายได้ภายในประเทศเพื่อชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้บางส่วน จากการขยายช่องทางการขายเพิ่มเติม ซึ่งช่วยให้บริษัทยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่งและการออกผลิตภัณฑ์โออิชิโกลด์รสชาติใหม่อย่าง “เกียวคุโระ” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ธุรกิจอาหาร มีรายได้ 1,345 ล้านบาท ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นจำนวน 453 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากผลกระทบ โควิด-19 ทำให้เกิดภาวะการชะลอตัวจากการใช้จ่ายที่ลดลงของผู้บริโภค จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเนื่องจากความกังวลของการแพร่ระบาดของไวรัส อีกทั้งมาตรการจากทางรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้ร้านอาหาร ไม่สามารถให้บริการสำหรับการรับประทานอาหารในร้านเป็นการชั่วคราว ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เพิ่มและปรับเปลี่ยนการให้บริการเป็นลักษณะขายสินค้าเพื่อซื้อกลับ (Takeaway) รวมทั้งการจัดส่งอาหารตามบ้าน (Home delivery) ทำให้สามารถมีรายได้กลับมาชดเชยได้บางส่วน
คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้อนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจร้านอาหารชาบูชิ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยการร่วมทุนระหว่าง Oishi F&B (Singapore) Pte. Ltd. (OSPL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทในประเทศสิงคโปร์ และบริษัท โออิชิ ราเมน จำกัด บริษัทย่อยในประเทศไทย กับ L Thong Huat Telecom Co., Ltd. (LTH) ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
วัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนสำหรับรองรับการขยายธุรกิจร้านอาหาร โดยมีทุนจดทะเบียนประมาณ 5,200 ล้านกีบ หรือประมาณ 18 ล้านบาท โดย OSPL ถือหุ้น 50.996% ,โออิชิ ราเมน ถือหุ้น 0.004% ขณะที่ LTH ถือหุ้น 49% คิดเป็นเงินลงทุนส่วนของ OSPL และโออิชิ ราเมน ไม่เกิน 9.18 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการจัดตั้งภายในไตรมาส 2 ของรอบปีบัญชี 2564