ทริสฯ ลดเครดิต PSL-หุ้นกู้ เสี่ยงคืนหนี้ไม่ได้

HoonSmart.com>>ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง เป็น “BB+” ลดเครดิตหุ้นกู้ เหลือ “BB” พร้อมประกาศเครดิตพินิจแนวโน้ม “ลบ” กังวลความเสี่ยงในการหาแหล่งเงินทุน นำมาใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ 54.9 ล้านดอลลาร์มิ.ย.  อาจต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขอชำระหนี้บางส่วนหรือขอเลื่อนระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป แนวโน้มผลการดำเนินงานอ่อนแอ บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระ 218 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า 

บริษัททริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร บริษัทพรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) มาอยู่ที่ระดับ “BB+” จากระดับ “BBB-” และลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันมาอยู่ที่ระดับ “BB” จากระดับ “BB+” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “ลบ” สำหรับอันดับเครดิตของบริษัทด้วย

การประกาศผลอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความเสี่ยงในการหาแหล่งเงินทุนเพื่อนำมาใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระของบริษัทท่ามกลางภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยของตลาดเงิน ตลาดทุน รวมถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทที่จะอ่อนแอลงอันเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระรวมจำนวน 218 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะ 12 เดือนข้างหน้านับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563 จนถึงเดือนมี.ค. 2564 ซึ่งรวมหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 54.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน 2563 (ซึ่งได้มีการเข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน (Cross Currency Swap) จากจำนวน 1.96 พันล้านบาท) และจำนวน 99.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมกราคม 2564 (มีการเข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน จากจำนวน 3.59 พันล้านบาท)

ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2564 จะอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังได้ส่งผลให้เกิดภาวะชะงักงันในภาคการผลิตและอุปสงค์ในด้านการขนส่งทางเรือเทกองอีกด้วย นอกจากนี้อุปสงค์ดังกล่าวยังคาดว่าน่าจะชะลอตัวต่อไปอีกจนถึงปี 2564 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากการแพร่ระบาดได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนแอลงทำให้บริษัทจะต้องอาศัยการหาแหล่งเงินกู้ใหม่มาใช้ทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระเป็นส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ตลาดการเงินอยู่ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบันก็ยิ่งเพิ่มความกังวลให้แก่ทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทที่จะหาแหล่งเงินทุนที่เพียงพอเพื่อนำมาใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดได้อย่างทันเวลา

บริษัทคาดว่าจะมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เดือนมีนาคม 2563 นอกจากนี้ บริษัทยังมีเรือขนส่งสินค้าที่ไม่ติดภาระจำนองอยู่ 9 ลำซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 85-90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อที่จะสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนมิ.ย.นี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจากับธนาคารหลายแห่ง เพื่อจัดหาวงเงินกู้ใหม่ โดยทั้งภายใต้เงื่อนไขที่ใช้เรือที่ไม่ติดภาระจำนอง เพื่อเป็นหลักประกันและการขอวงเงินเพิ่มเติมจากสินเชื่อที่มีอยู่เดิมกับธนาคารในวงเงินที่มีสัดส่วนหนี้คงเหลือต่อมูลค่าหลักประกันที่ต่ำ หากบริษัทไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินกู้ใหม่จากธนาคารได้เพียงพอต่อการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนนี้ก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่บริษัทอาจต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขอชำระหนี้บางส่วนหรือขอเลื่อนระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป และถึงแม้ว่าบริษัทจะบริหารจัดการจนสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนนี้ได้ แต่สถานะสภาพคล่องของบริษัทก็จะยังคงอยู่ภายใต้สภาวะกดดันอย่างมาก เพราะบริษัทยังมีหุ้นกู้อีกชุดหนึ่งที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนม.ค. 2564 จำนวนทั้งสิ้น 99.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทริสเรทติ้งจะติดตามสถานการณ์ดังกล่าว และอาจจะมีการลดอันดับเครดิตของบริษัทลงต่อไปอีกหากบริษัทไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าจะสามารถจัดหาแหล่งเงินทุนมาได้อย่างเพียงพอต่อการชำระหนี้ และ/หรือผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงยิ่งขึ้นจาก ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19