HoonSmart.com>> บล.ดีบีเอสฯ ชี้แรงซื้อกลับกองทุน REIT-IFF หนีดอกเบี้ยต่ำ ชูผลตอบแทนปันผลสูง 5-7% แนะลงทุนธุรกิจเสี่ยงต่ำ ไม่แปรผันตามเศรษฐกิจมาก ชู DIF-AIMIRT คาดผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้สูง 6.9% และ 7.3%
บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า หลักทรัพย์กลุ่มกอง REITs และกองทุนสาธารณูปโภค (IFFs) กลับมาได้รับความนิยมสูง สืบเนื่องจากลักษณะธุรกิจมีรายได้เป็นค่าเช่า ที่มีลักษณะเกิดขึ้นสม่ำเสมอ และจ่ายปันผลได้สูงมากในอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5-7% เทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี ที่อยู่ราวเพียง 1% เศษในระยะนี้
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของดัชนีกลุ่ม REITs และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ถึงปัจจุบัน (QTD) เป็น 13% ถือว่าต่ำกว่า SET ที่เพิ่มขึ้น 15% แต่ทีมกลยุทธ์เห็นว่าหลักทรัพย์กลุ่มนี้ยังมีความน่าสนใจในลักษณะธุรกิจที่เสี่ยงน้อยกว่า แต่ให้อัตราผลตอบแทนปันผลที่สูง เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงมาก (Risk Aversion) ในยามที่ตลาดฯมีความผันผวนสูงมาก
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ ลักษณะการลงทุนควรเลือกหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงธุรกิจต่ำ หรือไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจมาก (Defensive) ที่แนะนำในระยะนี้คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท (AIMIRT)
สำหรับกองทุน DIF แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 18.80 บาท ประเมินด้วยวิธี DCF กองทุนมีสิทธิบริหารสินทรัพย์เฉลี่ยเหลือยาวถึง 19 ปี มีผู้เช่าหลักของกองทุนคือกลุ่ม TRUE ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคมของไทย จึงมีความมั่นคงสูง คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้สูงเป็น 6.9% จ่ายทุกไตรมาส
ส่วน AIMIRT แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 14.60 บาท ประเมินด้วยวิธี DCF แนวโน้มธุรกิจแข็งแกร่งจากส่วนรายได้ที่ได้รับการประกันไว้แล้ว ด้วยสัญญาเช่าระยะยาว และมีศักยภาพที่จะซื้อสินทรัพย์ใหม่เข้ามาบริหารเพิ่มอีก สินทรัพย์ของกองทุนมีการกระจายตัวโดยมีทั้งห้องเย็น คลังสินค้า ถังเก็บสารเคมี อัตราการเข้าเช่า (OR) สูงเป็น 100% ด้วยอัตราการเติบโตค่าเช่าที่เพิ่ม 1.5-2.0% เทียบอุตสาหกรรมที่ทรงตัว คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้สูงเป็น 7.3% จ่ายทุกไตรมาส
ด้านราคา DIF ปิดตลาดวันที่ 24 เม.ย.2563 อยู่ที่ 15.60 บาท +0.50 บาท หรือ +3.31% มูลค่าการซื้อขาย 417.44 ล้านบาท
ส่วน AIMIRT อยู่ที่ 11.60 บาท +0.10 บาท หรือ +0.87% มูลค่าการซื้อขาย 1.78 ล้านบาท