SKN เดินหน้ารุกตลาดแผ่นไม้เอ็มดีเอฟตลาดโลก รับแผนขยายไลน์การผลิตแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ เฟส 2 เสร็จกลาง Q3/61 หนุนกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่าเท่าตัว หรืออยู่ที่ 5 แสนลบ.ม./ปี รองรับออเดอร์เต็มสูบ ปลดล็อคอัตรากำลังการผลิตแตะระดับ 98%
นายหาญศิริ แสงวงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (SKN) ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจปี 2561 มีทิศทางการเติบโตที่ดี จากการเดินตามกลยุทธ์ที่วางไว้ และความต้องการแผ่นไม้เอ็มดีเอฟในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเจาะตลาดลูกค้ารายเดิม ขยายฐานลูกค้ารายใหม่ และควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ขณะที่อัตรากำลังการผลิตในไตรมาส 1/2561 ขึ้นไปแตะระดับที่ 98% เรียบร้อยแล้ว และมองว่าแนวโน้มไตรมาส 2/2561 ยังเดินหน้าตามแผน จากคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการขยายกำลังการผลิตแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ เฟส 2 อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ได้กลางไตรมาส 3/2561 นี้ สนับสนุนกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นเป็น 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 240,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และลดการสูญเสียออเดอร์จากลูกค้าที่ปฎิเสธไปก่อนหน้า จึงเชื่อว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยบวกจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น พร้อมรุกตลาดแผ่นไม้เอ็มดีเอฟในตลาดโลก
“ปีนี้เรามั่นใจว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,585 ล้านบาท และรักษากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งปัจจุบันโรงงานผลิตไม้ MDF เฟส 1 มีการใช้กำลังการผลิต 98% ขณะที่โรงงานเฟส 2 มีออเดอร์เข้ามาแล้ว โดยจะมีการใช้กำลังการผลิต 70% ในปีนี้ และตั้งเป้าใช้กำลังการผลิตเท่ากับโรงงานเฟสแรกในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ปีหน้าบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว”นายหาญศิริกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อย โดย SKN ถือหุ้นสัดส่วน 100% เพื่อดำเนินโครงการโรงผลิตกาว สำหรับเป็นแหล่งวิจัยและพัฒนาสูตรกาวต่างๆ จำหน่ายให้แก่บริษัทฯ และจำหน่ายให้บุคคลภายนอก คาดมูลค่าลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ และเงินทุนหมุนเวียน ประเมินระยะเวลาโครงการประมาณ 1.5 – 2 ปี เสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ ให้แข็งแกร่งระยะยาว
“ปัจจุบัน SKN เป็นผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้ทดแทนธรรมชาติประเภท MDF รายใหญ่ของประเทศไทย ที่มีการเติบโตทั้งในแง่ของยอดขายและกำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น เราเชื่อว่า หลังแผนการขยายไลน์การผลิตใหม่แล้วเสร็จ จะสนับสนุนให้ SKN มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 100% เป็นโอกาสในการสร้างยอดขายและกำไรที่ดี พร้อมทั้ง จัดตั้งโครงการโรงผลิตกาว ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของบริษัทฯ ให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ ตอบรับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น” นายหาญศิริ กล่าว
สำหรับภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1/2561 มีรายได้รวมอยู่ที่ 377.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.74 ล้านบาท คิดเป็น 14.15% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ที่ 330.33 ล้านบาท จากปริมาณการขายแผ่นไม้เอ็มดีเอฟเพิ่มขึ้น ประกอบกับเทอมการขายแบบ CNF ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี เนื่องจากรายได้จากการขายส่วนใหญ่กว่า 90% ของบริษัทฯ เป็นรายได้จากการส่งออก จึงได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 12.28% และรายได้อื่น ๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 245.62%
สาเหตุหลักมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ในงวดไตรมาส 1/2561 กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 123.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.20 ล้านบาท หรือ 28.16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 96.58 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 51.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.22 ล้านบาท คิดเป็น 59.89% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 32.10 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ ต้นทุน และค่าใช้จ่ายมีการปรับขึ้นเล็กน้อย สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32.89% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 13.61%