บลจ.อเบอร์ดีนฯ ตัดขายหุ้น LPN กว่า 0.1207% เหลือ 4.9225%

HoonSmart.com>> บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด ตัดขายหุ้น LPN สัดส่วน 0.1207% เหลือถือ 4.9225% ด้านบล.ทิสโก้ วิเคราะห์กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่ม Low-rise ได้รับผลกระทบต่ำ ยอดจองยังแกร่ง แต่ผลประกอบการยังต้องระวัง

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการได้มา/จำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด จำหน่ายหุ้นของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2563 จำนวน 1,756,200 หรือคิดเป็น 0.1207% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ เหลือถือหุ้นจำนวน 71,584,300 หุ้น หรือคิดเป็น 4.9225% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

หุ้น LPN ปิดตลาดวันที่ 15 เม.ย.2563 อยู่ที่ 4.00 บาท -0.12 บาท หรือ -2.91%

ด้านบล.ทิสโก้ วิเคราะห์กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกลุ่ม Low-rise แต่ผลประกอบการยังต้องระวัง โดยกลุ่ม Low-rise ได้รับผลกระทบต่ำปรับคำแนะนำของ SPALI ลงเป็น “ถือ”

ผลประกอบการไตรมาสแรกยังได้ประโยชน์จากยอดจองที่แข็งแกร่ง และราคาที่ลดลงของหลายคอนโด โดยยอดจองในไตรมาสแรกคิดเป็นสัดส่วน 19% ของเป้าทั้งปี ซึ่งถือว่าไม่น่าผิดหวังมากนัก เนื่องจากยอดการเปิดตัวคอนโดที่ลดลง เราปรับคำแนะนำของ SPALI ลงเป็น “ถือ” แม้ว่าจะมียอดจองที่สูงเช่นเดียวกับ AP แต่เรามองว่ายอดจองคอนโด และการโอนที่ลดลงจะเป็นปัจจัยกดดัน

กลุ่ม Low-rise เป็นจุดเด่นของกลุ่ม ยอดจองไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.8% QoQ แต่ลดลง 27.4% YoY โดยยอดจองที่เพิ่มขึ้น QoQ มาจากการยกเลิกการจองที่สูงใน 4Q19 และยอดจองในไตรมาสนี้ 72% มาจากกลุ่ม Low-rise ที่คงที่ YoY แต่กลุ่มคอนโดลดลง 44% YoY แต่เพิ่มขึ้น 32% QoQ โดยยอดจองเพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค. จากการเปิดตัวโครงการที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนก่อนการระบาดหนักของ COVID-19

บล.ทิสโก้คาดว่าผู้ประกอบการจะรายงานรายได้ลดลง YoY และ QoQ จากยอดโอนที่ลดลง โดยรวมเราคาดผลประกอบการของกลุ่มลดลง 31% QoQ และ 52% YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน ในขณะที่รายได้ลดลง 18% QoQ และ 24% YoY แม้ว่าจะมีโครงการหนุนจากภาครัฐ ในขณะที่ยอดโอนลดลงจากกำหนดการก่อสร้างที่จะเสร็จใน Q1 ที่ต่ำ ด้านอัตรากำไรเราคาดว่าจะอยู่ที่ 32.5% เพิ่มขึ้นจาก 1Q19 แต่ยังไม่มีมาตรการจากภาครัฐเข้ามาหนุน

“เรายังคงชอบผู้ประกอบการในกลุ่ม Low-rise เช่น LH และ QH จากงานในมือที่สูง และมีรายได้ประจำเข้ามาหนุน และเรายังคงชอบ AP จากงานในมือที่สูง โดยมีความเสี่ยงคือ อุปสงค์ที่มากกว่า/น้อยกว่าคาด, การยกเลิกการจอง และการปล่อยสินเชื่อที่ยากขึ้นของธนาคาร แนะนำให้ “ซื้อ” AP, LH และ QH โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 6.50 บาท, 10.60 บาท และ 3.10 บาท”บล.ทิสโก้ ระบุ