BAY คาดบาทสัปดาห์นี้ 32.50-32.90 นักลงทุนลังเลซื้อสินทรัพย์เสี่ยง

HoonSmart.com>> ธนาคารกรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 32.50-32.90 บาทต่อดอลลาร์ มองนักลงทุนลังเลซื้อสินทรัพย์เสี่ยงแม้ผันผวนลดลง

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-32.90 บาทต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.67 บาทต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่การซื้อขายมีความผันผวนลดลง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 1.16 หมื่นล้านบาท และ 7.6 พันล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศมาตรการวงเงิน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมถึงการรับซื้อพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลท้องถิ่นโดยตรงเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับระบบการเงินซึ่งได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทางด้านรัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรป (อียู) เห็นชอบมาตรการกอบกู้เศรษฐกิจขนาด 5 แสนล้านยูโร แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องรูปแบบการระดมทุน

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่านักลงทุนจะติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาและมาตรการเยียวยาผลกระทบจากประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ตลาดยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับแนวทางผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองในบางประเทศว่าอาจทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลับมาอีกครั้งขณะที่ความเสียหายทางเศรษฐกิจกำลังทวีความรุนแรงจากการที่กิจกรรมที่ต้องหยุดชะงักลงเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันตอบรับอย่างจำกัดต่อกรณีกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรบรรลุข้อตกลงในการปรับลดการผลิตครั้งใหญ่ โดยตลาดยังกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ซบเซาทั่วโลก ในภาวะเช่นนี้ เราคาดว่านักลงทุนยังคงลังเลที่จะกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงจนกว่าจะมีสัญญาณบวกครั้งใหม่ ขณะที่สกุลเงินต่างๆ อาจซื้อขายในกรอบที่แคบลง

สำหรับปัจจัยในประเทศ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการระยะที่ 3 เพื่อดูแลและเยียวยาเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยรวมถึงการออกพ.ร.ก.กู้เงิน โดยกระทรวงการคลังและพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบรวม 1.9 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ รมว.คลัง กล่าวว่าการออกพ.ร.ก.กู้เงินในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาทซึ่งจะกู้เป็นสกุลเงินบาทเป็นหลักจะทยอยกู้ให้เสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. 2564 โดยกระทรวงการคลังจะเริ่มดำเนินการจัดหาแหล่งเงินกู้ในเดือนพ.ค.นี้ และทางการประเมินว่าการกู้เงินดังกล่าวจะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็นราว 57% ต่อจีดีพี ในปี 2564 อนึ่ง ในภาพรวมเราคาดว่าบรรยากาศการลงทุนยังเป็นไปอย่างระมัดระวังต่อไป

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่นิ่งและทั่วโลกอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการดูแลเศรษฐกิจที่เข้มข้นขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะถดถอยในวงกว้าง