โบรก ฯ ชวนลดพอร์ตแถว 1,200 จุด เชื่อตลาดขึ้นแรง 20-30% ยังไม่ปกติ

HoonSmart.com>>หุ้นไทยเหวี่ยงขึ้นแรงเกินไป พุ่งขึ้น 20-30% จากจุดต่ำสุดกลาง มี.ค. เฉพาะ 1-7 เม.ย. เฉียด 8% สูงกว่าหลายประเทศในอาเซียน ตลาดยังไม่ปกติ บล.เอเซียพลัส เน้นกลยุทธ์พิถีพิถันหุ้นชั้นดี ชอบ ไฟฟ้า -สื่อสาร-เกษตรอาหาร บล.ทิสโก้ชี้เหนือ 1200 จุด เน้นขายกระชับพอร์ต รอย่อ ทยอยแบ่งซื้อคืน ระวังการเก็งกำไร บล.ยูโอบี เคย์เฮียน แนะถือเงินสด 70% บลจ.กสิกรไทยคาดหากสถานการณ์คลี่คลายไตรมาส 2 เป้าปีนี้ 1350 จุด 

 

นาย ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวค่อนข้างเร็วมาก นับตั้งแต่ 1-7 เม.ย. 2563 ดัชนีปรับตัวขึ้นมา 7.9% สูงกว่าหลายๆประเทศในอาเซียน และหากเทียบกับกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หลายอุตสาหกรรมเด้งขึ้นมา 20-30% บางอุตสาหกรรมเหลือปรับตัวลงประมาณ 10 % แต่จะต้องดูข้อมูลรวม 3 เดือน ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 12-13 เท่า จากเดิม 17 เท่า เริ่มดีมากขึ้น จึงเริ่มเห็นเงินต่างชาติเข้ามา สถาบันไทยเข้ามาซื้อมากขึ้น มีกองทุน SSF พิเศษ  การที่ตลาดกลับมาเร็ว แสดงให้เห็นถึงมาตรการต่างๆที่ออกมา ช่วยลดความผันผวนได้อย่างมาก

สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ถือหุ้นระยะยาว (สตาร์ทจิก พาร์ทเนอร์) ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันมีสัดส่วน 27.6% ลดลงเล็กน้อย 1.6-2.4% เทียบกับปกติอยู่ที่ ประมาณ 29-30% ขนาดตอนนี้มีปัญหาทั่วโลก

นอกจากนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง ทำให้ ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2563 อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 4.5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นในเอเชีย 3.6% สะท้อนให้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทย

นายภากรล่าวว่า ความผันผวนของตลาดยังคงมีอยู่ หากธนาคารกลางของประเทศไม่ต้องเพิ่มสภาพคล่อง สิ่งเหล่านี้จะบอกว่าสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ แต่ตอนนี้ทุกคนยังต้องพยุงตลาด จะต้องช่วยกันติดตามสถานการณ์ จะไม่มีปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง จะต้องดูหลายๆปัจจัยประกอบ  ส่วนหุ้นไอพีโอ ตอบไม่ได้ว่าจะเข้ามาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความจำเป็นต้องใช้เงิน และบางอุตสาหกรรมปรับตัวลงน้อยลง ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำไอพีโอ

นายภากร กล่าวเพิ่มเติม หากรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว 24 ชม. ทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะไม่มีการปิดทำการซื้อขาย ซึ่งเหตุผลเดียวที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะปิดการซื้อขาย คือ ระบบธนาคารพาณิชย์หยุดทำการ ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมโอนเงินได้ โดยในกรณีที่รัฐบาลขยายเวลาเคอร์ฟิว ตลท.พร้อมปรับการทำงานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ในตลาดทุนสามารถดำเนินการต่อไปได้ เช่น การปรับเวลาการซื้อขาย เป็นต้น

บล.เอเซีย พลัส (ASP) ออกบทวิเคราะห์ ว่า ตลาดหุ้นหลายประเทศฟื้นตัวขึ้นเร็วและแรงในช่วงเวลาสั้นๆ อาทิ ตลาดหุ้นสหรัฐ (ดัชนี S&P500) ฟื้นขึ้นมาเกือบครึ่งทางจากจุดต่ำสุดในปีนี้ที่ -32.2% เหลือ -17.7% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยเคยทำจุดต่ำสุดที่ 969.08 จุด ณ วันที่ 13 มี.ค. ลดลง -38.7% ฟื้นตัวขึ้นมาเร็วจนปัจจุบันเหลือ -23.1%  เท่านั้น

อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวขึ้นมาเร็วกว่า 25% จากจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ รวมถึงความเสี่ยงข้างหน้ายังมี กลยุทธ์การลงทุน การเลือกหุ้นต้องพิถีพิถันมากขึ้น แนะ หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่กลับปรับฐานลงมาแรงกว่าตลาดมาก Top Pick ยังชื่นชอบ CENTEL, INTUCH และ TFG

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส  แนะนำกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงนี้ เน้นหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง และมีการฟื้นตัวที่ดี  คือ   กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้รับผลกระทบน้อยสุดจากโควิด และไตรมาส 1/63 เป็นไฮซีซั่น แนะนำ GULF BGRIM และ GPSC กลุ่มสื่อสาร  INTUCH และ ADVANC  กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้ผลบวกจากธุรกิจหมู-ไก่ฟื้นตัวในเวียดนาม   แนะนำ CPF และTFG

กลุ่มที่ควรเลี่ยงได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่น ยังผันผวนอยู่ในช่วงสั้น ๆ จากราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า

บล.ทิสโก้ วิเคราะห์ว่าดัชนีหุ้นเหนือ 1200 จุด เน้นขายกระชับพอร์ต รอย่อ ทยอยแบ่งซื้อคืน การเก็งกำไรทำอย่างระมัดระวัง หุ้นเด่น เม.ย.คือ BAM, BJC, DTAC, PTTEP, RBF, SCC, TVO

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังไม่แน่นอน แนะนำให้ถือเงินสดที่ 70% และลงทุนในหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ 30% มองหุ้นที่มีกระแสเงินสดและจ่ายปันผลมากกว่า 5% เช่น กลุ่มสื่อสาร กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มสาธารณูปโภค หลีกเลี่ยงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์  กลุ่มท่องเที่ยว รวมถึงกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มไฟแนนซ์

กลุ่มพลังงานสามารถซื้อขายได้ในช่วงสั้นๆ แต่ยังคงผันผวนตามราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ในกรอบที่ 25-35 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มองว่าในการประชุมโอเปก ถ้าผลออกมาเป็นบวก ราคาน้ำมันจะไม่ขึ้นแรง จากการที่มีน้ำมันเกินการใช้งานของทั้งโลกประมาณ 25 ล้านบาร์เรล การลดกำลังการผลิตจะช่วยได้ไม่มาก จากการที่ความต้องการใช้น้ำมันยังน้อยอยู่

นายกิจพณ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นปี2563 ตั้งเป้าดัชนีไว้ที่ 1,167 จุด ช่วงนี้ตลาดอาจจะมีการโอกาสปรับขึ้นในกรอบ 1,200-1,250 จุด แต่ผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำและบจ.ได้รับผลกระทบตั้งแต่ไตรมาส 1-3 ทำให้ตลาดหุ้นอาจจะปรับตัวลงมาแรงอีกครั้ง

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ ยังคงมีความผันผวนสูงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงกว่า 50% จากต้นปี ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เห็นเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเริ่มมีกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย หลังจากที่ตั้งแต่ต้นปีมียอดขายสุทธิกว่า 121,000 ล้านบาท จึงมองเป็นสัญญาณบวก ซึ่งหากสถานการณ์ สามารถคลี่คลายลงได้ภายในไตรมาสที่ 2 คาดว่าอาจเห็นดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1350 จุดได้ภายในปีนี้ จากสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูงและการคาดหวังการฟื้นตัวของกำไรในปีหน้า