ส.นักวิเคราะห์หั่นเป้าหุ้นปี 63 เหลือ 1,276 จุด โควิดกด GDP ลบ 0.6% กำไรบจ.ลด 10%

HoonSmart.com>> สมาคมนักวิเคราะห์เปิดผลสำรวจ “นักวิเคราะห์-ผู้จัดการกองทุน” มองหุ้นไทย Q2/63 เชิงลบ ดัชนีเฉลี่ย 1,118 จุด คาดสิ้นปีเหลือ 1,276 จุด จากเดิม 1,679 จุด ชี้ COVID-19 ปัจจัยหลักกดกำไรบจ.ลดลงเกือบ 10% ฉุด GDP ติดลบ 0.60% คาดกนง.หั่นดอกเบี้ยอีก 0.25% แนะพอร์ตลงทุนเน้นเงินสด เงินฝากระยะสั้น 39% หุ้นไทย 21% หุ้นต่างประเทศ 13% หุ้นเด่น ADVANC-CPALL-CPF-INTUCH-RATCH


นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า ผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต่อมุมมองด้านการลงทุนในไตรมาส 2/2563 คาดว่าดัชนีราคาหุ้นไทย (SET Index) ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,118 จุด พร้อมคาดการณ์ SET Index สิ้นปี 2563 อยู่ที่ระดับ 1,276 จุด ลดลงจากผลสำรวจไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 1,679 จุด

สำหรับความเคลื่อนไหว SET Index ตั้งแต่เดือนเม.ย ถึงสิ้นปี 2563 คาดต่ำสุดที่ระดับ 954 จุดและสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,323 จุด โดยคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 79.70 บาท EPS Growth เฉลี่ย -9.93%

“นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน 50% มองดัชนีราคาหุ้นไทย (SET Index) ในช่วงไตรมาส 2/63 มีแนวโน้มไปในทิศทางลบ ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 35% มองไปในทิศทาง Sideways หรือไม่เปลี่ยนแปลงไปมากจากไตรมาส 1/2563 และที่เหลือ 15% มองว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงในทิศทางบวก”นายสมบัติ กล่าว


สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดในไตรมาส 2 นักวเิคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรสั COVID-19 เป็นปัจจัยลำดับแรกที่มีอิทธิพล ต่อทิศทางราคาหุ้นไทยระยะสั้น รองลงมา คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกจิของภาครัฐและผลประกอบการ ตามลำดับ

นายสมบัติ กล่าวว่า ผลสำรวจส่วนใหญ่คาดการณ์ GDP ปี 2563 เฉลี่ย -0.60% และปี 2564 เป็นบวกเฉลี่ยอยู่ที่ 2.94% บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปี 2563 ที่ 39.26 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ปัจจัยที่ส่งผลลบต่อการลงทุนในตลาดทุนไทยในปี 2563 ได้แก่ สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรสั COVID-19 รองลงมาคือ เศรษฐกิจภายในประเทศและปัจจัยด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีเสียงโหวตเกิน 90% ขึ้นไป ขณะที่น่าปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศไม่มีผลมากนักต่อทิศทางราคาหุ้นในช่วงปีนี้

ขณะที่ปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ ได้แก่ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศจากผู้ตอบ 75% รองลงมา 65% คาดว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา (FED) จะส่งผลบวก และคาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในปี 2563

พร้อมกันนี้นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน 70% เสนอให้ภาครัฐใช้นโยบายการคลังโดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนให้มีกำลังซื้อ ได้แก่ ชดเชยรายได้ การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ลดค่าน้ำ ไฟฟ้า โทรศัพท์ ส่วนด้านการช่วยเหลือภาคธุรกิจ 35% เสนอการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลง หรือการชดเชยอื่นๆ ที่เป็นรูปธรรม ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ

นอกเหนือจากนโยบายการคลังแล้ว ผู้ตอบ 15% เสนอให้ภาครัฐเร่งโครงการลงทุนและมีประมาณ 10% แนะนำให้นำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมาเต็มรูปแบบ

สำหรับพอร์ตการลงทุนแนะนำ เงินสดหรือเงินฝากระยะสั้น 39% หุ้นหรือกองทุนหุ้นไทย 21% และหุ้นต่างประเทศหรือกองทุนต่างประเทศ 13% โดยหุ้นแนะนำ ได้แก่ ADVANC, CPALL, CPF, INTUCH, RATCH

อ่านประกอบ

ส.นักวิเคราะห์แนะ 5 หุ้นน่าลงทุน ADVANC-CPALL-CPF-INTUCH-RATCH