สัมภาษณ์พิเศษ : “เสี่ยแตงโม” ตอน อำนาจเงินทุบดอกโหด

หลังจากที่ “เสี่ยแตงโม – สมเกียรติ ธนัตถ์เจริญกุล” กู้เงินนอกระบบมาเก็งกำไรหุ้น กระทั่งประสบความสำเร็จจากการต่อยอดเงิน ได้กำเงินก้อนแรก 8 ล้านบาท อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ เสียงคุยโม้โอ้อวด เริ่มดังขึ้นจนคนหมั่นไส้ ได้เงินเป็นกอบเป็นกำจากการลุยวอร์แรนต์ สร้างวอลุ่มเทรดให้กับตัวเองบางปีทะลุ 5 หมื่นล้าน สร้างเศรษฐีใหม่ในหาดใหญ่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป?????

เสี่ยแตงโม : ผมขอย้อนกลับไปต้นปี 2537 สักนิด เพราะเป็นเหตุการสำคัญในการลงทุนของชาวหุ้นทั่วประเทศไทย คือ มีจับนักปั่นหุ้น กรุงเทพฯพาณิชยการ (BBC), รัตนะการเคหะ (RR), เฟิร์สซิตี้ (FCI) ซึ่งหุ้นสามบริษัทนี้ ถูกตลาดหลักทรัพย์ ออกมาเตือนนักลงทุนว่า ให้ระมัดระวังการซื้อขาย เพราะเป็นการซื้อขายที่ผิดปกติมากๆ นักลงทุนควรระวังการลงทุนด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้ เพื่อนๆ นักลงทุน ไปหาข่าวเองนะครับว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ผมในฐานะนักลงทุนคนหนึ่ง ไม่สามารถที่จะระบุชื่อได้ เพราะผมมีความเคารพนักลงทุนทุกๆ คนในตลาดหลักทรัพย์ครับ

จากเหตุการณ์นั้น ผมได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง มันทรมานมาก ผมจำได้ว่า เงินลงทุนผมหายไป ประมาณครึ่งนึงของทุนที่ผมมี แต่ความทรมานน้อยกว่าเหตุการณ์ ซัดดัมบุกคูเวต เมื่อปี 2533 (สงครามอ่าวเปอร์เซีย) เพราะการซื้อขาย หุ้นร่วงติดฟลอร์ แบบชนิดที่หาคนซื้อไม่ได้เลย ติดสนิท ไม่มีการขยับครับ แต่เหตุการณ์เมื่อต้นปี 2537 นั้น ตกฟลอร์ แล้ว หลุดๆ ติดๆ สามารถขายได้ ดูเลวร้ายก็จริง แต่ก็มีเวลาให้ผมคิดว่าจะขายมั้ย เพราะยังมีคนซื้ออยู่

การจับนักปั่นหุ้นก็มีผลทำให้นายทุนในตลาดหุ้นหาดใหญ่ ได้รับผลกระทบพอสมควร แต่ตัวเลขความเสียหายก็ไม่ได้มากนัก ราวๆ 50-100 ล้านบาท แต่ก็สามารถจ่ายค่าเสียหายกันได้ ระหว่างนายทุน กับผู้ลงทุน

สมเกียรติ ธนัตถ์เจริญกุล

ปลายปี 2538 ผมได้ย้ายไปเป็นลูกค้าที่บริษัทหลักทรัพย์ ตะวันออกไฟแนนซ์ เพราะมีข้อเสนอดีๆ ให้กับผม เรื่องเงินคืนคอมมิชชั่น ซึ่งสิทธิพิเศษสุดตรงนี้ ผมได้กล่าวมาแล้วว่า ผมคือคนแรกในหาดใหญ่ ที่ได้รับโบนัสแบบนี้ แต่ความลับมันก็ไม่มีในโลกใบนี้ เพราะเพื่อนๆ นักลงทุนต่างโบรกเกอร์ พอรู้ว่าผมได้รับสิทธิพิเศษ ต่างคนก็ต่อรองกับบริษัทที่นักลงทุนลงทุนในบริษัทไหนก็ไปแอบตกลงกันเอง

จากนั้นอีกไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์บริษัทหลักทรัพย์ โดนสั่งปิดกันหลายบริษัทมาก ช่วงนั้น เศรษฐกิจไทยใกล้เกิด “วิกฤติต้มยำกุ้ง” มาก และสุดท้ายวิกกฤติก็ได้เกิดขึ้นจริง จึงทำให้รัฐบาลมีความจำเป็นประกาศลอยตัวเงินบาท ซึ่งเหตุการณ์นี้สำคัญมาก สำหรับเส้นทางการลงทุนในตลาดหุ้นของผมเอง เพราะก่อนเกิดวิกฤติ หุ้นไทยได้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ราคาหุ้นร่วงอย่างหนัก กองทุนต่างๆ เจ๊งกันเป็นหางว่าวเลยทีเดียว ซึ่งน่ากลัวมากๆ ครับ ในช่วงเวลานั้น

ทันใดนั้น รัฐบาลได้ออกประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เพื่อนๆ เชื่อไหม เหตุการณ์ที่นึกกันไม่ถึงเลยว่า หุ้นไทย ได้ปรับตัวขึ้นอย่างบ้าคลั่งมากๆ จนนักลงทุนก็รู้สึกแปลกใจว่า เหตุใดทำไมราคาหุ้นขึ้นชนเพดาน ผมก็พยายามสอบถามผู้รู้ว่าเพราะอะไร ผมแอบได้ยินว่า การที่ประกาศเงินบาทลอยตัว ค่าเงินบาทของไทยก็จะอ่อนตัว และอ่อนอย่างหนัก จากราคา 25 บาท อ่อนตัวไปถึงกว่า 60 ต่อดอลลาร์สหรัฐ และเหตุผลที่ทำให้หุ้นไทยขึ้น ก็ด้วยเหตุผลว่า ในเมื่อดอลลาสหรัฐแข็ง จากเคยซื้อหุ้นได้ 100 หุ้น จะสามารถซื้อหุ้นได้ถึง 200 กว่าหุ้น สรุปเป็นสัดส่วนก็คือ สามารถซื้อหุ้นได้เกินเท่าตัวนั่นเอง

ทันใดนั้น ผมก็พยายามหาหุ้นที่สามารถซื้อได้ สุดท้ายหุ้นที่สามารถซื้อได้ก็คือ วอแรนท์ (Warrant) และผมก็ซื้อจนเงินผมหมดด้วยครับ และเอาเงินกู้นอกระบบมาซื้อด้วยล่ะครับ

เช้าวันรุ่งขึ้น หุ้นตัวแม่ส่วนใหญ่จะขึ้น 10% และไม่มีใครขายหุ้นเลย เสนอซื้อฝ่ายเดียว เพราะในขณะนั้นเพดานของหุ้นสามัญสามารถขึ้นได้เต็มที่คือ 10% ตามกฏตลาดหลักทรัพย์ แต่คุณพระช่วย!!! เพื่อนๆ เชื่อไหม Warrant ที่ผมซื้อ มันไม่ใช่แค่ 10% มันสามารถขึ้นได้เท่าราคาขึ้นของตัวแม่ เปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็ราวๆ 30% โดยประมาณนั้นเองครับ แสดงว่าอะไร ผมก็กำไร 30% ไปโดยปริยาย ในที่สุด Warrant ก็ชนซิลลิ่งตามหุ้นแม่ด้วยครับ และเช้าวันต่อไปภาพรวมตลาด ก็เป็นไปตามที่กล่าวมาต่อ คือปรับขึ้นต่อนั้นเอง

ผมกลายเป็นเศรษฐีภายในไม่กี่ชั่วโมงของการซื้อขายทันที เพื่อนๆ ก็แอบคุยกันว่า “ไอ้เซียนโมมันรวยเละ เพราะมันซื้อหุ้นเต็มพอร์ตเลย เห็นมันบอกเราอย่างนั้น ตอนปิดตลาดวันก่อน” หลังจากนั้น เพื่อนๆ ก็โทรมาถามไถ่ว่า เซียนโม ม..รึง กำไรเท่าไหร่ ผมตอบว่า เฮียครับ ผมจิ้มเครื่องคิดเลขไม่ถูกเลย ดูเหมือนเครื่องจะเสียนะ เฮียมีเครื่องคิดเลขให้ผมยืมไหม ตรงนี้คือเรื่องโจ๊กครับ เพื่อนๆ นักลงทุน

ความจริงก็มีอยู่ว่า ผมกำไรแปดหลักครับ จำได้กำไรวันเดียวเกือบ 20 ล้าน เห็นจะได้ และที่สำคัญผมไม่ได้ขายซะด้วย เพราะผมคาดว่า วันถัดไปหุ้นมันจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อ และมันก็ปรับตัวขึ้นต่อจริงๆ ด้วยครับ

เหตุการณ์เรื่องนี้ น่าจดจำอย่างมาก เพราะวงการโบรกเกอร์ แต่ละบริษัท ได้ถูกสั่งปิดถึง 56 บริษัท และมีปัญหากันอย่างมาก สำหรับประชาชนทั่วๆ ไป มีปัญหาอย่างไร เพื่อนๆ หาจากข่าวย้อนหลังได้ครับว่า ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ ใครบ้างได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลประกาศเงินบาทลอยตัว

ปี พ.ศ 2546 ประมาณกลางปี หุ้นไทยกลับมาร้อนระอุ อยู่ในภาวะกระทิง อะไรก็ฉุดไม่อยู่ เพราะขึ้นได้อย่างร้อนแรงสุดๆ ช่วงปี 2546-2549 ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ผมกับเพื่อนๆ ในพอร์ตการลงทุน ใช้พลังในการเทรดอย่างไฟแลบ หรือสายฟ้าแลบยังไง ยังงั้น

วอลุ่มการซื้อขายผม ร้อนแรงสุดๆ บางปีทะลุ 5 หมื่นล้านบาท และสิ่งที่ผมเคยสัญญากับเพื่อน ๆ ผู้ลงทุนว่า หากวันไหนผมมีเงิน ผมจะทุบดอกเบี้ยนอกระบบให้ลงมาให้ได้ จากเดิม 2,500 บาท/วัน/ล้าน ลงมาเหลือ 1,500 บาท และ 800 บาท/วัน/ล้าน

หากวอลุ่มการซื้อขายผม 5 หมื่นล้านบาท ค่าคอมมิชชั่นในระยะเวลานั้นประมาณ 1 ล้าน ต่อ 1 พันบาท โดยประมาณ แสดงว่า ผมเสียค่าคอมมิชชั่น เฉลี่ยปีละ 50 ล้านบาท ชึ่งกำไรผมเฉลี่ยต่อปี บางปีก็เยอะมาก บางปีก็แทบเสมอตัว ด้วยเหตุผลนี้แหละ ผมจะแสดงข้อคิดว่า ผมจะทำอะไร กับสิ่งเหล่านี้ เรื่องของวอลุ่มเทรดของผมเอง ว่าจะวางแผนอย่างไร จะเล่าในช่วงหน้าครับ

สาเหตุที่ผมพยายามทุบดอกเบี้ยนอกระบบให้ลงต่ำ ก็เพราะ ผมแอบคิดว่า การใช้วงเงินของผม และการเทรดของผม ไม่มีอะไรที่นายทุนจะต้องเสี่ยง อีกทั้งค่าคอมมิชชั่นของโบรกเกอร์ จาก 5,350 ต่อล้านบาท ก็ลงมาเหลือ 1 พันต้น ๆ ต่อล้าน ดังนั้น ผมก็ต้องเอาสิ่งนี้มาคิดถึงความเหมาะสมว่า ดอกเบี้ยก็ควรจะลงตาม ไม่นั้น ผู้กู้ หรือตัวผมเอง จะเสียเปรียบมาก ๆ ซึ่งมันก็ไม่เป็นธรรมเท่าไหร่

ช่วงจังหวะ ปี พ.ศ 2546-2549 นั้น ผมก็กลายเป็นคนมีเงินมาก และปัญหาก็มากเช่นกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ผมอยู่กับเพื่อนๆ จำนวนมากถึง 25 คน ต่างคน ต่างความคิด ซึ่งผมก็รู้ว่า เพื่อนทุกๆ คน ย่อมมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ปัญหาในระหว่างการซื้อขายหลักทรัพย์ของกระผมเอง หรือเรียกอีกอย่างสั้นๆ ว่า เล่นหุ้น อุปสรรคต่างๆ มีเยอะมากๆ แต่ผมคงเอามาเล่าให้ฟังหมดมิได้ เพราะมันเยอะเหลือเกิน

ปัญหาอย่างหนึ่ง ที่ผมอยากจะเล่า ก็เพราะมันเป็นปัญหาที่เกี่ยวพัน และเจ็บปวดมากๆ ในชีวิตของผม ซึ่งผมก็มานั่งทบทวน ปัญหาของผม มันคล้ายๆ กับการเปรียบเทียบเหมือนกับว่า ผมคือ ชาวนาจริงๆ และกับงูเห่าหลายตัว : ชาวนากับงูเห่า เพื่ออยากจะบอกเพื่อนๆ นักลงทุนว่า ไม่ควรทำตัวอย่างผมครับ

ด้วยปัญหาทั้งปวง ยากที่จะแบกภาระอยู่คนเดียว ซึ่งมุมนี้ มีผู้คนสอบถามผมมากว่า เหตุใดเสี่ยแตงโมถึงมาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดเชียงใหม่ และทำไมต้องเชียงใหม่

จริงๆ แล้ว ส่วนตัวผม จะไปใช้ชีวิต หรือจังหวัดไหนก็ได้ครับ หากผมอยากจะไป ??? ผมก็เห็นว่า เชียงใหม่ เป็นเมืองท่องเที่ยว มีอากาศดี ประชาชนก็อ่อนหวาน ผมเลยมีความรู้สึกดีๆ กับเมืองเชียงใหม่ ด้วยความที่อยากจะอยู่มาก ผมมาถึงไม่นาน ผมก็หาซื้อที่ดิน แปลงไหนที่ผมคิดว่าสวย ราคาเหมาะสม ผมก็รีบซื้อ เพราะที่ดิน เป็นสิ่งที่ผมรักมาก ผมเป็นคนชอบที่ดินมากๆ และใจผมอยากจะอยู่เชียงใหม่มาก ก็เลยต้องซื้อๆๆ อาจจะเป็นการบังคับตัวเองอีกทางนึงก็ได้ เพราะกลัวจะไม่ได้อยู่เชียงใหม่

ผมมาเชียงใหม่ เดือนตุลาคม 2549 และผมจำวันที่ได้เสมอ เพราะวันนั้นคือวันเกิดลูกชายคนเล็กของกระผมเอง 15 ตุลาคม 2549

ปี 2551 เดือนมกราคม ผมได้มีโอกาส ได้รับคำเชิญจากผู้จัดงาน 8 เซียน ที่ตึกฐานเศรษฐกิจ ซึ่งผมบอกตรงๆ ว่า ผมตกใจสุดๆ จากคำถามของนักข่าวท่านนึง ถามผมว่า “จริงหรือไม่ เสี่ยแตงโมคือต้นเหตุเป็นคนปล่อยกู้นอกระบบ จึงทำให้เกิดความเสียหายเรื่องการเงินอย่างหนักในอำเภอหาดใหญ่”

ผมเจอคำถามนี้ บอกตรงๆ ครับ ผมอึ้ง และทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ผมก็เลยบอกคุณนักข่าวไปว่า คุณครับ เรื่องนี้ ไม่จริงนะครับ ผมเป็นฝ่ายกู้เงินนะครับ คุณอยากรู้เรื่องจริงๆ ไหม ผมบอกคุณก็ได้นะ เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะอะไร และอะไรคือความจริง แต่ผมก็คิดนิดนึงว่า เอาล่ะ วันนี้ผมได้รับคำเชิญมาพูดเรื่องสร้างสรร ผมไม่อยากทำลายบรรยากาศของงานนี้ ผมก็เลยนิ่งๆ ไปวันนั้น

การเปิดเผยของผมในครั้งนี้ บางคนอาจจะแอบนึกว่า แล้วผมมาพูดเรื่องดอกเบี้ยทำไม ??? เพราะอะไร ผมก็อยากจะบอกเพื่อน ๆ นักลงทุนว่า ผมไม่มีทางยอมรับผิด กับสิ่งที่ผมไม่ได้เป็นคนทำครับ ผมเก็บความเจ็บปวด ที่ถูกสังคมกล่าวหาว่า เป็นผู้สร้างความปั่นป่วน ระบบการปล่อยกู้นอกระบบในอำเภอหาดใหญ่

ในเมื่อสังคมเข้าใจผมผิด ผมคงอดทนต่อไปคงไม่ไหว เพราะ 10 ปี ที่ผมไม่มีความสุข มันทรมานมาก เพราะความเสียหายระดับ 400-500 ล้าน มันเป็นความเสียหายอย่างมหาศาล ซึ่งความจริงแล้ว หากเป็นเรื่องจริง ทำไมเวลาที่ผ่านมา คดีความ ถึงไม่มีมาฟ้องร้องผมหล่ะครับ ทำไมผมจึงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ หากเป็นคนอื่น ก็คงไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ตัวเองมิได้ทำ แต่บังเอิญผมเป็นคนตรงไป ตรงมา ผมยอมรับไม่ได้ครับ

อ่านต่อวันพรุ่งนี้ ทำไม นักเลงหุ้นกลับใจ