HoonSmart.com>>กรณีบลจ.ทหารไทย ตัดสินใจปิดกองทุนรวมตราสารหนี้ 4 กองทุน คือ 1.กองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน 2. กองทุนเปิดทหารไทยธนไพบูลย์ 3.กองทุนเปิดทหารไทยธนพลัสและ 4.กองทุนเปิดทหารไทยธนไพศาล ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นทางออกที่เหมาะสม เพราะหากยังคงเปิดการซื้อขายตามปกติต่อไป จะยิ่งทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนขาดทุนมากขึ้นเรื่อยๆ
ท่ามกลางสภาพตราสารหนี้ทั่วโลกผิดปกติ นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน มีการขายออกมาทุกระดับราคา ขณะที่ความต้องการซื้อมีน้อยมาก ส่งผลต่อเนื่องถึงราคาเสนอซื้อและเสนอขายห่างกัน หากนักลงทุนยังคงเทขายหน่วยลงทุนทั้ง 4 กองอย่างรุนแรง (Panic sell) บลจ.ก็จะต้องเร่งขายตราสารหนี้ออกมาในราคาต่ำกว่าพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะการเทขายอย่างรุนแรงของกองทุนเปิดทหารไทยธนพลัส และธนไพศาล ในวันที่ 26 มีนาคม 2563 สูงถึง 33% และ 51%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนตามลำดับ ทำให้กองทุนไม่มีสภาพคล่องเพียงพอรองรับการไถ่ถอนหน่วยอย่างรุนแรงได้
บลจ.จึงตัดสินใจปิดกองทุน เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน และมีทางออกในการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ เพราะต้นเหตุไม่ใช่เกิดจากคุณภาพของตราสารหนี้ที่ลงทุนไม่ดี หรือมาจากปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ (Default) สินทรัพย์ที่เลือกลงทุนเป็นตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตระดับน่าลงทุน หรือ Investment grade ส่วนกลุ่มสินทรัพย์อื่นๆ ก็มีสภาพคล่องที่ดี เช่น ตราสารตลาดเงินยังคงสภาพคล่องสูงมาก หุ้นสามารถขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่นเดียวกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนต่างประเทศ (FIF) สามารถขายคืนกองทุนหลักในต่างประเทศ (Master Fund) เป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารเหล่านี้จึงมีสภาพคล่องสูงเพียงพอ รองรับการไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ ลูกค้าจะได้รับเงินคืนจากการทยอยขายตราสารที่กองทุนถืออยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต้องอาศัยจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงนี้ ทั้งตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ยังคงเคลื่อนไหวผิดปกติ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระจายไปทั่วโลก ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก ผู้จัดการกองทุนกำลังวางแผน เพื่อทยอยขายทรัพย์สินเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม และจัดสรรการคืนเงินให้ลูกค้าในราคายุติธรรมตามสัดส่วนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกคน ทั้งนี้ บลจ. แจ้งว่าจะมีการประกาศความคืบหน้าต่างๆ ให้ลูกค้าผู้ถือหน่วยทราบต่อไปผ่านทางช่องทางของ บลจ. โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ดูแลผลประโยชน์ของนักลงทุนอย่างใกล้ชิด เพราะการจ่ายเงินคืนผู้ถือหน่วย บลจ.ต้องปฎิบัติตามประกาศของสำนักงานก.ล.ต. มีช่วงเวลากำหนดชัดเจน
o เริ่มจากปัจจุบันทาง บลจ. กำลังดำเนินการสรุปมูลค่าของตราสารในพอร์ตและคุณสมบัติอื่น เช่น อายุเฉลี่ยของตราสารและค่าเฉลี่ยของอันดับเครดิต
o ภายใน 5 วันทำการ ผู้จัดการกองทุนทำการขายทรัพย์สินเท่าที่ทำได้ในราคาที่เป็นธรรม เพื่อชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุนให้ผู้ลงทุน
o ภายใน 10 วันทำการ คืนเงิน (ตามสัดส่วนจำนวนเงินที่รวบรวมได้) ให้แก่ผู้ถือหน่วย และนับเป็นวันเลิกกองทุน
o ภายใน 90 วัน(นับจากวันเลิกกองทุน) ขายสินทรัพย์ที่เหลือในราคาเป็นธรรม แต่การชำระบัญชีอาจเปลี่ยนแปลงได้เพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุน
ส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนของทั้ง 4 กองทุน ที่มีความจำเป็นต้องการใช้เงินทุนระยะสั้น ระหว่างรอการจัดสรรเงินคืน ทางธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) ที่ปัจจุบันถือหุ้นใน บลจ. 35% และมีฐานะเป็นตัวแทนจำหน่ายกองทุนของบลจ.ทหารไทย อิสท์สปริง จัดมาตรการช่วยบรรเทาผลกระทบในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าทีเอ็มบีหรือไม่ใช่ก็ตาม สามารถนำหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าวมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อกับทีเอ็มบีได้ ซึ่งจะได้รับการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางการเงินเป็นรายๆ ไปอย่างเหมาะสม
ขอย้ำ ปัจจุบันราคาตราสารหนี้ทั่วโลกที่ปรับตัวลงมามาก เกิดจากแรงเทขายออกแบบรุนแรง เพราะความ Panic Sell ที่มาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ส่งผลต่อเนื่องถึงกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก หากคลี่คลายลง เชื่อว่าราคาของสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงตราสารหนี้ด้วย จะค่อยๆ ทยอยกลับขึ้นมาซื้อขายด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ในช่วงนี้นักลงทุนต้องเฝ้าระวัง และต้องศึกษาข้อมูลอย่างใกล้ชิด อย่าตระหนก และพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ และพยายามมองผลตอบแทนในระยะยาว