HoonSmart.com>> บอร์ด “คันทรี่ กรุ๊ป” อนุมัติเพิ่มวงเงินเพิ่มทุนจาก 826 ล้านบาท เป็น 3,305 ล้านบาท ออกหุ้น 3,305 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิม-บุคคลในวงจำกัด พร้อมขอเงินกู้ “ผาแดงอินดันทรี” 35 ล้านบาท ต่อตั๋วบี/อี วงเงิน 60 ล้านบาท ดอกเบี้ย 6% ต่อปี นำเงินใช้หมุนเวียน
บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD) เปิดเผยมติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2563 อนุมัติให้ยกเลิกมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2563 ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 826 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 9,958.99 ล้านบาท เป็น 10,784.99 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 826 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายบุคคคลในวงจำกัดแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 3,305 ล้านบาท เป็นทุนใหม่ 13,263.99 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 3,305 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมและบุคคลในวงจำกัด
บริษัทฯ จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 2,479 ล้านหุ้น คิดเป็น 29.99% ของทุนชำระแล้วของบริษัท ณ วันที่ 20 มี.ค.2563 เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนตามแบบมอบอำนาจทั่วไป โดยจะออกและเสนอขายครั้งเดียวเต็มจำนวนหรือแต่บางส่วนก็ได้ โดยจัดสรรหุ้นจำนวนไม่เกิน 826 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.99% ของทุนชำระแล้ว เสนอขายบุคคลในวงจำกัด
ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่บริษัทจะจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีในครั้งถัดไปหรือภายในวันที่ 30 เม.ย.2564 แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติการทำรายการเกี่ยวโยงกันโดยรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบริษัท ผาแดงอินดัสทรี (PDI) โดยการเสนอขายตั๋วแลกเงินระยะสั้นอายุ 180 วัน มูลค่าหน้าตั๋วแลกเงิน 35 ล้านบาท ในวันที่ 20 มี.ค.2563 และต่ออายุตั๋วแลกเงิน 60 ลบ. ในวันที่ 20 มี.ค.2563 ที่จะครบกำหนดในวันที่ 25 มี.ค.2563 โดยมีอัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เคียบเทียงได้กับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของสถาบันการเงินในปัจจจุบันและมีความยืดหยุ่นในการบริหารสภาพคล่องทางการเงินและการเบิกใช้เงินตามแผนการใช้เงิน
วัตถุประสงค์ในการใช้เงิน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานทั่วไปของบริษัทและหรือเพื่อชำระหนี้คืน (ถ้ามี)
ขณะที่การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จะทำให้บริษัทฯมีแหล่งเงินทุนที่มีความพร้อมสำหรับแผนการลงทุนเพื่อขยายกิจการในอนาคตรวมถึงเพื่อใช้คืนหนี้ของบริษัทฯ ได้อย่างทันกาล อีกทั้งยังช่วยเสริมสภาพคล่องและความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ และสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว