“กองทุนพยุงหุ้น ช่วยตลาดได้แค่ไหน?

ความกังวลต่อประเด็น COVID-19 ยังคงสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดหุ้นไทยอย่างมาก แม้ว่าที่ผ่านมาภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ทยอยออกมาตการเพื่อพยุงตลาดหุ้น แต่ก็ยังไม่สามารถพยุงตลาดได้ และในที่สุด ก็ถึงคราวของกองทุนพยุงหุ้น ที่จะเข้ามาเป็นพระเอก โดยครม.จะพิจารณาเรื่องตั้งกองทุนพยุงหุ้นวันที่ 24 มี.ค.63 นี้

ก่อนที่เราจะไปวิเคราะห์กันว่า กองทุนพยุงหุ้น จะช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยได้มากน้อยแค่ไหน เรามาดูมาตรการต่างๆที่ภาครัฐออกมาแล้ว มีอะไรบ้าง

1.รัฐจัดทำกองทุน SSF เงื่อนไขพิเศษ คล้ายกับกองทุน LTF แต่มีระยะเวลาการถือครอง 10 ปี โดยเริ่มจัดจำหน่ายในเดือนเม.ย.-มิ.ย. 63

2.ตลาดฯ ปรับเกณฑ์ต่างๆเพื่อลดความผันผวนตลาด โดยกำหนดให้ Short Sell หุ้นได้เฉพาะในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Up Tick) ช่วยพยุงให้ราคาหุ้นปรับฐานไม่เร่งตัวเร็วเท่าอดีตที่ผ่านมา

3.ตลาดฯ ปรับเกณฑ์การหยุดซื้อขายหุ้นชั่วคราว (Circuit breaker) โดยหาก SET Index ลดลง 8% จะหยุดซื้อขาย 30 นาที, หาก SET Index ลดลง 15% จะหยุดซื้อขาย 30 นาที และหาก SET Index ลดลง 20% จะหยุดซือ้ ขาย 60 นาที หลังจากนั้นจะเปิดซื้อขายต่อจนถึงสิ้นวัน

4.ตลาด ฯ ปรับเกณฑ์ราคาซื้อขายสูงสุด-ต่ำสุดในแต่ละวัน (Floor-Ceiling) เหลือ +/- 15% จากเดิมที่ +/- 30% โดยเกณฑ์ใหม่บังคับใช้แต่วันที่ 18 มี.ค. – 30 มิ.ย. 63

ล่าสุด ทางฝั่งรัฐบาลเตรียมจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น โดยจะนำเสนอเข้าที่ประชุมครม. ในวันที่ 24 มี.ค. 63 เพื่อเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุน ซึ่งรัฐบาลระบุว่า การระดมทุนดังกล่าวไม่จำเป็นต้องใช้เงินภาษีของประชาชน

แต่อาจใช้การระดมเงินจากการจัดตั้งกองทุนใหม่ หรือใช้กองทุนวายุภักษ์เดิม เพิ่มเงินลงทุนเข้ามาสนับสนุนอีก 1 แสนล้านบาท โดยจะขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนสถาบันและรายย่อย 20-30 วัน ทั้งนี้นโยบายการลงทุน จะเน้นหุ้นที่อยูใน SET50 และ SET100

ฝ่ายวิจัย ASP ได้ไปดูอดีตตอนที่มีการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ พบว่า ปี 35 และ 46 มีการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท และ 1 แสนล้านบาท พบว่าช่วยหนุน SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือน หลังจากจัดตั้งกองทุน 16.7% และ 20% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยมี Market Cap. ราว 12 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่าอดีตในช่วงปี 35 และ 46 ที่ 1-2 ล้านล้านบาทมาก ดังนั้นหากจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นด้วยเม็ดเงินที่เท่ากับปี 35 คือ 1 แสนล้านบาท อาจมีประสิทธิภาพในการพยุงตลาดหุ้นได้ไม่มากเท่าในอดีต