ตลาดเฟ้นหุ้นชั้นเยี่ยม 53 ตัว ราคาถูก กำไรโต

53 HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ร่อนตะแกรงคัดหุ้นชั้นยอด พบใน SET 40 บริษัท mai 13 บริษัท เริ่มแรกเลือกหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่ากิจการ(P/BV) มีทั้งหมด 448 บริษัท หากกรองอีกชั้น หาราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E)ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด และราคาต่อการเติบโตของกำไรสุทธิ(PEG) ไม่เกิน 1 เท่า หุ้นหลายตัวผ่านด่าน 2 ชั้น สอบตก PEG 

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นโลกเผชิญวิกฤตจากหลายปัจจัย   โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปหลายประเทศ ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีหุ้นที่มีราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่ามูลค่ากิจการ(P/BV) รวมทั้งสิ้น 448 บริษัท ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ถือว่าราคาน่าสนใจแล้ว แต่…

การจะเลือกซื้อหุ้นในภาวะตลาดดิ่งลงแรงผิดปกติ ใช้หลักคิดนี้เลือกความ “ถูก” หรือ “แพง” เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ และไม่ควรใช้อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(P/E) เหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น จะต้องพิจารณาข้อมูลลึกลงไปถึงอัตราส่วนราคาต่อการเติบโตของกำไรสุทธิ หรือ Price to Earnings Growth Ratio (PEG ) ซึ่งหุ้นที่ดีจริงๆ จะต้องมี PEG ไม่ควรเกิน 1 เท่า และไม่ควรติดลบ

www.HoonSmart.com ได้คัดเลือกหุ้นที่มีคุณสมบัติครบเครื่อง ทั้ง P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า P/E ไม่เกิน 10 เท่า ต่ำกว่า P/E เฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ที่ประมาณ 12 เท่า และที่สำคัญ PEG ไม่เกิน 1 เท่า มีทั้งสิ้น 40 บริษัทใน SET  และมีจำนวน 13 บริษัทใน mai

“มีหุ้นหลายตัวที่ผ่านคุณสมบัติเรื่อง P/BV และ P/E ต่ำ ตามที่กำหนดเบื้องต้น  แต่กลับมี PEG สูงกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้างไม่ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้าย เพราะมี PEG ติดลบ ส่วนธนาคารขนาดใหญ่ที่ราคาปรับตัวลงมามาก แต่ยังมี PEG สูง  เช่น  KBANK มี PEG ถึง 8.39 เท่า SCB มี 6.07 เท่า BBL 3.95 เท่า KTB 1.90 เท่า LHFG 2.00 เท่า ”

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางคนอาจจะชอบหุ้นที่มี PEG สูง เพราะคาดหวังการเติบโตก้าวกระโดดในอนาคต แต่ในภาวะตลาดหุ้นผิดปกติ มีความไม่แน่นอนสูง และมีหุ้นราคาถูกมากๆให้เลือกซื้อได้ ก็ควรจะลงทุนในบริษัทที่คาดว่ามีความปลอดภัยจะดีกว่า