ตอน… ช่างตัดผมใจแตก
นักลงทุนหาดใหญ่ แม้กระทั่งนักลงทุนเชียงใหม่ คงไม่มีใครปฏิเสธ หรือไม่รู้จัก “เสี่ยแตงโม – สมเกียรติ ธนัตย์เจริญกุล” ช่างตัดผมที่ทรงอิทธิเรื่องการกู้เงินไปเล่นหุ้น ร่วม 30 ปีที่ผ่านมา
วันนี้ เหลือแค่ความทรงจำ ที่ “เสี่ยแตงโม” มาถ่ายทอดบอกเล่าเรื่องราวบางช่วง บางตอน ที่เจ็บปวด และบางคนพูดที่น่าหมั่นไส้ ไม่น้อย ตามสไตล์เสี่ยหุ้นร้อยล้าน แต่กว่าจะมาเป็น “เสี่ยแตงโม” ณ EA เวลานี้ ผ่านสิ่งดี-เลวร้ายมามากมาย Hoonsmart.com ขอทำหน้าที่สื่อกลางถ่ายทอดประสบการณ์ สู่ท่านผู้อ่าน ณ ที่นี้
@@@ เสี่ยแตงโม
หลังจากเมื่อปี 2551 เดือนมกราคม เวลาผ่านไปร่วม 10 ปี ตอนสมัยผมไปพูดงาน 8 เซียน ที่ มีนักข่าวถามกระผมว่า จริงหรือไม่ ความเสียหายอันเกิดจากการปล่อยกู้นอกระบบในอำเภอหาดใหญ่ ในเหตุการณ์ตอนนั้น ความเสียหายประมาณ 400-500 ล้านบาท ผมก็ตอบคุณนักข่าวไปว่า ผมไม่ได้เป็นฝ่ายปล่อยกู้ ผมเป็นฝ่ายกู้เงินต่างหากครับ คุณอยากทราบความจริงไหมหล่ะว่า ความจริงคืออะไร ผมจะเล่าให้คุณฟังเอาไหม ???
แต่นาทีนั้น ผมรู้สึกคิดขึ้นมาว่า ผมมางานนี้ มีฝ่ายจัดงาน และได้เชิญผมมาพูดในงานนี้ ผมต้องมาพูดในสิ่งที่สร้างสรรค์ ไม่อยากทำลายบรรยากาศดี ๆ ในงานนี้ อีกทั้งในวันนั้น ผมอายุยังน้อย ผมอายุ 41 ปี ความคิด ความอ่าน อาจจะเป็นคนที่กร้าวร้าวนิดนึง ธรรมดานะครับ ผมยอมรับว่า การได้เป็นคนรวย มันก็ต้องมีบ้าง ที่จะแสดงอะไรออกมาแบบ คนเพิ่งมีเงิน ก็คงทำอะไรไปแบบ คนอื่นมองแล้วน่าหมั่นไส้มาก ๆ
แต่ขอออกตัวนิดนึงว่า จากคนจน อาจจะไม่จนแบบไม่มีกิน แต่ก็จนแบบมีคนดูถูก ดูแคลนได้ระดับหนึ่ง จนตัวเองรู้สึกว่า ความจน บางจังหวะ มันก็ทรมานนะ ส่วนคนรวย เป็นเรื่องธรรมดา ที่มีคนเกรงใจ และยกย่อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ มีเงินก็มีเสียง ไม่มีเงินก็ควรจะเงียบ ๆ ครับ
ขอบอกก่อนว่า การที่ผมออกมาเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ นายทุน หรือคนปล่อยกู้ มีบุญคุณกับกระผมมาก ๆ ครับ เพราะหากไม่มีผู้คนที่ผมกล่าวมา วันนี้ ผมจะมีวันนี้ได้อย่างไร ผมไม่เคยลืมบุญคุณคนครับ
ผมเข้าตลาดหุ้น เมื่อปี 2532 ด้วยเงินลงทุน 80,000 บาท ผมเดินตามรอยเท้าเพื่อน เพราะเพื่อนชวนทุกวันให้เข้าตลาดหุ้น เพื่อนขับรถป้ายแดงมาโชว์ ก็บอกผมว่า หุ้นให้มา เพื่อนกังขาขนาดว่า หากไม่ยอมเล่น ก็เอาเงินที่ผมมีอยู่ จะให้ผลตอบแทนปีละ 20% ต่อปี ช่วงเวลานั้นบอกก่อนว่า ดอกเบี้ยฝากประจำธนาคารกรุงเทพ 10% ต่อปี และธนาคารทหารไทย 16.25% ต่อปี ครับ หากไม่เชื่อผม กรุณาตรวจเช็กย้อนหลังได้ จะทราบความจริง
ในที่สุด ผมก็ใจแตกจนได้ เดินเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ผมเล่นตามเพื่อน จนตัวเองแตกแถว เพื่อนก็ด่าว่าผม ไอ้ค…วาย เล่นแบบนี้ กลับไปเป็นช่างตัดผมเถอะ เล่นแบบนี้หมดตัวแน่ ๆ และผมก็แทบหมดตัวจริง ๆ ตามคำสรรเสริญของเพื่อน และในนาทีนั้น เงินผมจาก 8 หมื่นบาท เหลือเงิน 30,000 บาท
เวลานั้นประมาณเดือนมีนาคม 2534 ผมก็ดันไปซื้อหุ้นลงทุนอีก แต่ผมไม่มีเงินจ่ายค่าหุ้นที่ซื้อไว้ เพราะผมวางขายแล้ว ขายไม่ได้เพราะหุ้นติดฟลอร์ หาคนซื้อไม่ได้ ผมก็เลยเดินไปบอกคุณแม่ว่า ผมขอยืมเงินไปจ่ายค่าหุ้น แม่ผมก็บอกว่าไม่มี ผมก็อ้อนวอนแม่ว่า ช่วยเหลือผมเถอะนะ หากแม่ไม่ช่วย เส้นทางการลงทุนผม หมดอนาคตทันที
แม่ก็ถามผมว่า จะคืนเงินให้แม่เมื่อไหร่หล่ะ และเอาเงินมาจากไหน ผมบอกคุณแม่ว่า หากผมหาเงินมาให้แม่ไม่ได้ภายใน 1 ปี ผมจะขายรถบิ๊กไบค์ผม แล้วเอาเงินมาคืนแม่ทันที และในที่สุด เวลาครบหนึ่งปี แม่ก็บอกว่า ครบปีแล้ว เงินอยู่ไหน ในนาทีนั้น ผมก็รู้สึกเครียดมากกับเรื่องนี้
ผมได้โทรศัพท์ไปบอกคนขอซื้อรถบิ๊กไบค์ผม ให้ราคาผม 50,000 บาท ถ้วน ก็ต่อรองว่า เฮียครับ ช่วยผมหน่อย หากเฮียให้ราคาผม 50,000 บาท ผมก็ไม่มีดอกเบี้ยให้คุณแม่ผมสิ ผมขอร้องเฮีย ผมขอ 55,000 บาทได้มั๊ย หากได้ เฮียมาเอารถผมไปได้เลย สุดท้ายเขาก็มาเอารถที่ผมรักที่สุดไป
เชื่อไหม !!! ในเวลานั้น ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ร้องไห้ เสียใจ แต่ผมไม่บอกใครสักคนว่าผมร้องไห้ เพราะผมอายคน และเมื่อผมได้เงิน ผมก็เอาเงินไปให้คุณแม่ 55,000 บาท ก็บอกแม่ว่า ผมทำตามคำพูดที่เคยสัญญาได้แล้ว ส่วนเงิน 5,000 บาท คือดอกเบี้ย เอาไปเลย และผมก็บอกแม่ต่อว่า วันนี้ผมได้รับวิชาการเล่นหุ้นจากเพื่อนคนหนึ่ง วันนี้มีวิชาเต็มเปี่ยม คอยดูนะ ผมจะรวยกับตลาดหุ้นให้ได้ แม่ฟังผมพูดแบบนี้ แม่ก็หัวเราะจะคอยดูนะ แล้วก็ยิ้ม
หลังจากนั้น ผมก็เริ่มลงทุนตามที่ผมคิด ผมจะชอบซื้อหุ้นชนซิลลิ่ง เพราะด้วยแรงซื้อที่บ้าคลั่ง พอรุ่งเช้าหุ้นตัวนั้นก็เปิดกระะโดดชนเพดานอีก และเชื่อไหม ขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ ในขณะนั้น ตลาดหุ้นไม่ได้ซื้อขายผ่านคอมพิวเตอร์ ใช้เสียงพากย์ และ มีพนักงานมาเขียนราคาตามเสียงพากย์ ผมจะลงทุนหุ้นตัวนั้นจนกว่าไม่ติดซิลลิ่ง หากหลุดซิลลิ่ง ผมจะสั่งขายทันที และในทางกลับกัน หุ้นตัวไหนร่วงติดฟลอร์ ผมจะเลี่ยงทันทีเหมือนกัน เพราะอีกหนึ่งวันทำการ ก็ร่วงติดฟลอร์เหมือนกันครับ
อ่านต่อ…ตอน 2 วันพรุ่งนี้