HoonSmart.com>> กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 31.70-32.20 บาทต่อดอลลาร์ มองเฟดใช้แผนฉุกเฉินลดดอกเบี้ยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.70-32.20 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 31.79 บาทต่อดอลลาร์ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 10 เดือนท่ามกลางการร่วงลงอย่างรุนแรงของราคาหุ้นและพันธบัตร
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย2.47หมื่นล้านบาท และ3.32หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบทุกสกุลเงินสำคัญ
ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอย่างหนักจากความวิตกต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจของการแพร่ระบาดของCOVID-19ที่ขยายวงและลากยาวมากขึ้น ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี)ปรับลดดอกเบี้ยลง0.50%สู่0.25%ก่อนกำหนดรอบประชุม ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศห้ามการเดินทางจากยุโรปเข้าสู่สหรัฐฯ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่าตลาดจะยังผันผวนสูงตามความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาด หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ยลง1.0%สู่กรอบเป้าหมายที่0.0-0.25%ในการประชุมฉุกเฉินวันที่15มี.ค. และเฟดประกาศว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสินเชื่อจำนองมูลค่าอย่างน้อย7แสนล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าการแพร่ระบาดของไวรัสกำลังกระทบเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ เฟดเพิ่งปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ในภาวะเช่นนี้ กรุงศรีประเมินว่าเฟดกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญหากการใช้กระสุนดอกเบี้ยนัดสุดท้ายไม่สามารถกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับมาได้ ซึ่งในกรณีนี้จะส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินตลาดเกิดใหม่เผชิญแรงขาย และกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าช่วงต้นสัปดาห์
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีกำหนดประชุมตามรอบปกติวันที่ 25 มี.ค. ถึงแม้จะไม่มีการเรียกประชุมฉุกเฉินแต่เราคาดว่ากนง.จะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อ ย0.25% จากระดับ 1.00% โดยภาวะชะงักงันของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 กำลังกระทบการจ้างงานในวงกว้างและยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ ยิ่งฉุดรั้งแนวโน้มการเติบโตให้ต่ำกว่าศักยภาพ รวมถึงปัจจัยแวดล้อมที่ผู้ดำเนินนโยบายการเงินทั่วโลกร่วมมือกันเร่งลดดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำมากเป็นพิเศษอาจทำให้กนง.ตัดสินใจง่ายขึ้นบ้าง