HoonSmart.com>>หุ้น CPALL กอดคอ CPF วิ่งฉิ่ว 4 % นักวิเคราะห์แนะนำ ซื้อ บริษัทย้ำไม่เพิ่มทุน ใช้เงินกู้ต่ำกว่าคาดในการซื้อหุ้นเทสโก้ ห่วงภาระดอกเบึ้ยจ่ายบาน กระทบกำไรปี 63-64 แต่ในระยะยาวจะส่งดีต่อความร่วมมือทางธุรกิจทั้งเครือซีพี

กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพีประกาศชัยชนะในการประมูลซื้อเทสโก้ประเทศไทยและมาเลเซีย ในราคาเบื้องต้น 3.38 แสนล้านบาท โดยแบ่งให้ CPALL ร่วมลงทุนด้วย 40% และ CPF ถือหุ้น 20% บล.ดีบีเอส วิเคอร์ส(ประเทศไทย)วิเคราะห์ดีลการซื้อกิจการใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ว่าราคาซื้อหุ้นคิดเป็นอัตราส่วน EV/EBITDA ที่ราว 12.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของดีลการซื้อในไทยและเพื่อนบ้านก่อนหน้าอยู่ที่ราว 13-17 เท่า โดย CPALL และ CPF ไม่มีการเพิ่มทุนอย่างที่ตลาดกังวลก่อนหน้า จะมีการรับรู้กำไรเข้ามาในรูปกำไรตามส่วนได้เสีย (Equity Income)
” เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับดีลนี้ เพราะจะมีประโยชน์ในการซื้อและรวมกิจการเข้ามา (Synergies) ในระยะยาว CPALL สามารถนำโลตัส เอ็กซ์เพรสมาปรับรูปแบบทำ 7-Eleven ได้ ซึ่งครองส่วนแบ่งราว 70% ก็จะเพิ่มได้อีก 10% มี economy of scale และอำนาจต่อรองการซื้อสินค้า และมีตลาด hypermarket เพิ่มเข้ามาด้วย ส่วน CPF จะมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดีขึ้น เช่น อาหารสด ไปโลตัส เอ็กซ์เพรส ได้ และขยายธุรกิจอาหารไปยัง hypermarket ได้ด้วย”
บล.ดีบีเอสฯ คงคำแนะนำ ซื้อ CPALL ด้วยราคาพื้นฐาน 82.50 บาท และ CPF ที่ 37.00 บาท มีโอกาสจะได้ประโยชน์ในการจะซื้อสินทรัพย์เทสโก้ โลตัส เพิ่มในอนาคต เมื่อปี 2562 เทสโก้ โลตัสไทยมีรายได้ 1.88 แสนล้านบาท และมีกำไร 7,800 ล้านบาท ขณะที่มาเลเซียมีรายได้ 4.4 ล้านริงกิต (3.27 หมื่นล้านบาท) และมีขาดทุน 44 ล้านริงกิต (329 ล้านบาท)
บล.กสิกรไทยระบุว่า เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ สำหรับ CPF ประกาศเข้าลงทุนในเทสโก้ เพราะนับเป็นการลงทุนในธุรกิจค้าปลีก ทั้งนี้ CPF จะเข้าลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมสัดส่วน 33.54% คาด net D/E จะเพิ่มเป็น 1.6-1.7 เท่า ส่วนดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นส่วนใหญ่จะได้รับการชดเชยจากส่วนแบ่งกำไรจากเทสโก้
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” CPALL ราคาเป้าหมาย 87 บาท เนื่องจากใช้เงินลงทุนน้อยกว่าคาด ประเมินว่าในช่วง 1-2 ปี กำไรของ CPALL จะถูกกระทบจากดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมมาลงทุน แต่ในระยะยาว จะเป็นบวกจากการมีธุรกิจค้าปลีกที่หลายหลาย และได้ประโยชน์จาก Synergy ราคาหุ้นที่ลดลงเป็นโอกาสในการลงทุน
CPALL จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเทสโก้ (ไม่ต้องรวมงบการเงิน) ภายใต้สมมติฐานว่า CPALL กู้ยืมเงิน 2 ใน 3 ของเงินลงทุน อัตราดอกเบี้ย 4.5% และยังไม่มี Synergy จะทำให้กำไรสุทธิลดลงจากประมาณการเดิมของเรา 1% และ 3% ในปี 2563 และ 2564 แต่คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว คาด Net D/E เพิ่มขึ้นจาก 0.8 เท่า เป็น 1.3 เท่า ซึ่งยังอยู่ภายใต้ Bond Covenant ที่ 2 เท่า
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำทยอยซื้อลงทุน CPALL ราคาเป้าหมายใหม่ 75 บาท ดีลซื้อเทสโก้ฉุดกำไรปีนี้ไม่โต แม้ไม่ต้องเพิ่มทุน ส่วนกำไรจากเทสโก้เข้ามาน้อยกว่าดอกเบี้ยช่วง 2-3 ปีแรก คาดว่าเงินลงทุน 9.5 หมื่นล้านบาทกู้เงินมีต้นทุนทางการเงินสูงเกิน 4.5% หลังจากนั้นคาดจะทยอยออกหุ้นกู้ระยะยาวในอัตราดอกเบี้ย 4.5% ซึ่งในปีนี้คาดจะกู้ 6 เดือนเพราะดีลจบกลางปีนี้ ส่วนปีหน้าดอกเบี้ยจ่ายดีลนี้เต็มปี คาดจะมีต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายหลังหักภาษีเพิ่มขึ้นปีนี้เพิ่มขึ้น 1,800 ล้านบาท ปีหน้าเพิ่ม 3,400 ล้านบาท ขณะส่วนแบ่งกำไรจากเทสโก้ปีนี้คาดอยู่ที่ 835 ล้านบาท และปีหน้า 1,942 ล้านบาท จะทำให้กำไรปีนี้ลดลง 972 ล้านบาท และปีหน้าลดลง 1,481 ล้านบาท จึงปรับลดประมาณการกำไร ลง 4% และ 6% ตามลำดับ ทำให้กำไรสุทธิปี 2563 ทรงตัวจากปีก่อนหน้า และคาดจะเพิ่มขึ้นราว 5.5% ในปี 2564
ส่วน CPF บล. หยวนต้า แนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมาย 39 บาท คาดใช้เงินกู้ 47,991 ล้านบาท มีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 14% แต่ผู้บริหารเชื่อว่าดอกเบี้ยจ่ายจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่า ทำให้สุทธิแล้ว CPF จะมีกำไรสุทธิจากดีลนี้ตั้งแต่วันแรก
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” หุ้น CPF ราคาเป้าหมาย 35.80 บาท ได้ประโยชน์จากการมีช่องทางการขายสินค้ามากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอาหารสด ทั้งนี้ CPALL ซื้อ MAKRO เมื่อปี 2556 ทำให้ยอดขายของ CPF ผ่าน MAKRO เพิ่มขึ้นจาก 400 ล้านบาทเป็นประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2562
อย่างไรก็ตามภายใต้สมมติฐานว่า CPF กู้ยืมเงิน 2 ใน 3 ของเงินลงทุน อัตราดอกเบี้ย 4% และส่วนแบ่งกำไรจาก CPALL ลดลงเล็กน้อย คาดว่า กำไรสุทธิลดลงจากประมาณการของเรา 1% และ 3% ในปี 2563 และ 2564 แต่คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นในระยะยาวจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น คาด Net D/E เพิ่มขึ้นจาก 1.25 เท่า เป็น 1.4 เท่า ซึ่งยังอยู่ภายใต้ Bond Covenant ที่ 2 เท่า
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” CPALL ราคาเป้าหมาย 91 บาท คาดจะต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 9.5 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมีหนี้สินที่มีดอกเบี้ย 1.27 แสนล้านบาท ส่งผลให้มีหนี้ที่มีดอกเบี้ย รวม 2.22 แสนล้านบาท แลกกับการได้ประโยชน์จากการขยายจากร้านสะดวกซื้อเข้าสู่ hyper + supermarket นอกจากนี้คงคำแนะนำซื้อ CPF ราคาเป้าหมาย 35 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองดีลการซื้อเทสโก้ ในราคาค่อนข้างสูง กระทบกำไรของ CPALL และ CPF เล็กน้อย จากส่วนแบ่งกำไรไม่สามารถหักล้างดอกเบี้ยจ่ายใน 1-2 ปี คาดว่าปี 2564 กำไรของ CPALL จะถูกกระทบ 2-4.2% และกระทบต่อราคาเป้าหมาย 2-4 บาท/หุ้น ส่วน CPF จะกระทบกำไรราว 2-4.7% และกระทบราคาเป้าหมาย 0.4-2 บาท แต่ในระยะยาวมองดีลเป็นบวก จึงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 36 บาทสำหรับ CPF และ 85 บาทสำหรับ CPALL
บล.ทรีนีตี้ ปรับคำแนะนำ CPALLเป็น “หลีกเลี่ยงการลงทุน” ในระยะสั้น จากเดิม “ซื้อ” โดยเราและตลาดมีโอกาสปรับประมาณการ และราคาเป้าหมายลดลงเพื่อสะท้อนผลกระทบจากการเข้าลงทุน มองว่าอาจกระทบกำไรราว 9-10% กำไรที่เพิ่มอาจน้อยกว่า ภาระดอกเบี้ย คาดภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นราว 3,400 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 40% ราว 1,200-1,300 ล้านบาท กระทบกำไรสุทธิที่ทำประมาณการไว้ ที่ 2.4 หมื่นล้าน ราว 9-10% โดยยังไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อยู่ในช่วงอ่อนค่า โดยทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่า คาดกระทบกำไร ราว 55 ล้านบาทและ Net D/E จะขึ้นไปอยู่ในระดับ 1.95 เท่า และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า ประกอบกับกำลังซื้อช่วงครึ่งปีแรก ยังชะลอตัว โดยอาจพิจารณา Switch ไปลงทุนในหุ้น Top Pick คือ BJC (มูลค่าเหมาะสม 48.20 บาท )
ด้านราคาหุ้น CPALL ปิดที่ 66.50 บาท บวก 2.75 บาทหรือ 4.31% และ CPF ปิดที่ 25.25 บาทบวก 1.05 บาทหรือ 4.34% ปรับตัวมากกว่าตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้น 1.22 % หรือ 15.31 จุด ปิดที่ 1,271 จุด วันที่ 10 มี.ค.2563
