นักวิเคราะห์มติเอกฉันท์ เลี่ยง PTTEP หยวนต้าเชียร์หุ้นพลังงานกลาง-ปลายน้ำ

HoonSmart.com>>บล.เอเซียพลัสปรับลดสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบปี 63-64 หั่นราคาเป้าหมาย PTTEP-PTT  ให้น้ำหนักหุ้นน้ำมัน-โรงกลั่นน้อยกว่าตลาด บล.หยวนต้า เชียร์ TOP-SPRC-IRPC-IVL-SCC ได้ประโยชน์น้ำมันขาลง ส่วนพลังงานต้นน้ำ PTTEP หลีกเลี่ยง บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มองรอบนี้ต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐฯ ชั่วคราว บล.กสิกรไทยลดเป้ากำไรพลังงานปีนี้ลง 33% หรือประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท เป็น 9.9 หมื่นล้านบาท บลจ.กสิกรไทยเล็งลดเป้ากำไรบจ.จากเคยคาดไว้โต 4% อาจจะติดลบได้ 

ตลาดหุ้นวันที่ 10 มี.ค. ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฟื้นตัว ปิดบวก 15.31 จุด หรือ 1.22% ปิดที่ 1,271 จุด แต่หุ้น PTTEP กลับลดลงต่อเนื่อง 4.25 บาท คิดเป็น 5.69% ปิดที่ 70.50 บาท  ส่วน PTT ปิดที่ 28.50 บาท  +0.50 บาท หรือ +1.79%และหุ้นพลังงานส่วนใหญ่ปรับตัวหลังจากปรับตัวลงแรงวันก่อนหน้านี้และกดดันให้ดัชนีหุ้นดิ่งแรงมากกว่า 108จุด

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASPS)  ปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบลงเหลือ 40 และ 45 เหรียญฯ ในปี 2563 และตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป หลังจากการประชุมกลุ่มโอเปกล้มเหลว และผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่น่าจะยืดเยื้อ คำแนะนำ กลุ่มปิโตรเลียม “เท่าตลาด” ในภาพระยะยาว ภายใต้ประมาณการใหม่มูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2563 PTTEP อยู่ที่ 110 บาท/หุ้น (เดิม 170 บาท) และ PTT อยู่ที่ 42 บาท/หุ้น (เดิม 55บาท/หุ้น)

ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ฝ่ายวิจัยปรับลดสมมติฐานค่าการกลั่น GRM (แม้ราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในทิศทางขาลง ถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ แต่เชื่อว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มปรับลดลงตาม ทำให้คาดการณ์ค่าการกลั่นยังอยู่ในกรอบแคบ ๆ) และ Spread ปิโตรเคมี (แม้คาดต้นทุน Freeze Stock จะปรับลงตามราคาน้ำมัน แต่เชื่อว่าราคาผลิตภัณฑ์ขั้นปลายมีโอกาสปรับลงตาม ทำให้ Spread ปิโตรเคมียังอยู่ในระดับต่ำ)

นอกจากนี้การปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบลงมาเหลือ 40 เหรียญฯ เทียบกับปลายปี 2562 อยู่ที่ 64 เหรียญฯ คาดจะทำให้เกิดบันทึกขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในปี 2563 ราว 20 เหรียญฯ โดยจะเห็นขาดทุนสต็อกน้ำมันในระดับสูงงวดไตรมาส 1 / 63 จึงยังคงยืนยันน้ำหนักการลงทุน “น้อยกว่าตลาด” ทั้งกลุ่มโรงกลั่น และกลุ่มปิโตรเคมี เหมือนเดิม

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คงมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานกลาง-ปลายน้ำที่จะได้ประโยชน์จากน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ได้แก่ TOP, SPRC, IRPC, IVL รวมทั้ง SCC ขณะที่กลุ่มพลังงานต้นน้ำคือ PTTEP ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงจนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของน้ำมันดิบ NYMEX เข้าใกล้บริเวณ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วน IRPC ราคาหุ้นลงมาลึก, ได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงหลังซาอุดิอาระเบียปรับลด Premium น้ำมัน แนวต้าน 2.20 บาท

บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มองว่าระยะสั้นราคาน้ำมันดิบจะยังผันผวน จากการตอบโต้ระหว่างซาอุฯ กับรัสเซีย แต่ราคาน้ำมันดิบที่ 35 เหรียญสหรัฐ ทำให้ผู้ผลิตบางประเทศขาดทุนที่เป็นเงินสดแล้ว และถ้าราคาลงไปต่ำกว่า 20 เหรียญสหรัฐ จะยิ่งมีอีกหลายประเทศขาดทุน เช่น เวเนซูเอลา แคนาดา อังกฤษ รัสเซีย ไนจัเรีย สหรัฐ UAE เป็นต้น

ในอดีต นับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ต่ำกว่า 40 เหรียญสหรัฐได้ แต่เป็นเวลาไม่นาน ดังนั้น จึงคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐได้ แต่น่าจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

บล.กสิกรไทยปรับลดประมาณการกำไรกลุ่มพลังงานปีนี้ลง 33% หรือประมาณ4.9 หมื่นล้านบาท เป็น 9.9 หมื่นล้านบาท หลังตลาดกลับมามีความกังวลในฝั่งอุปทานน้ำมันที่คาดเพิ่มอย่างมีนัยยะกว่า 2 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ IEA ได้ออกมาปรับลดคาดการณ์อุปสงค์ลง 1.0 ล้านบาร์เรล เป็นติดลบ 9.0 หมื่นบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี เป็นผลให้น้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งกว่า 30%

น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต, CFA รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย อยู่ระหว่างพิจารณาปรับตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนจากเดิมที่เคยคาดไว้ 4% อาจจะติดลบได้ เนื่องจากกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีมีน้ำหนักสูงถึงเกือบ 16% ของตลาด (ไม่รวมกลุ่มสาธารณูปโภค) ถึงแม้ว่าไทยจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ต่ำลง เนื่องจากมีการนำเข้าพลังงานสุทธิเกือบ 8 แสนล้านบาทก็ตาม