HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่า 2,000 จุด วิตกสงครามน้ำมันป่วน ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วงระนาว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 9 มีนาคม 2563 ที่ 23,851.02 จุด ลดลง 2,013.76 จุด หรือ 7.79%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,746.56 จุด ลดลง 225.81 จุด, -7.60%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,950.68 จุด ลดลง 624.94 จุด, -7.29%
เมื่อเปิดการซื้อขายได้ 5 นาทีตลาดทรุดหนักโดยดัชนี DJIAดิ่งลงกว่า 1,800 จุด และดัชนี S&P 500 ลดลง 7% ส่งผลให้ต้องใช้ระบบ circuit breaker เพื่อหยุดพักการซื้อขายเป็นเวลา 15 นาที แต่แม้มีการพักการซื้อขาย ทุกดัชนียังคงลดลงมาที่ระดับที่เป็นการปิดวงจรขาขึ้นที่ติดต่อกันมา 11 ปีและเข้าสู่ภาวะตลาดหมี และทำสถิติลดลงมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกปี 2008 และการดิ่งลงของตลาดกลายเป็น แบล็คมันเดย์ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 1987
ปัจจัยที่มีผลต่อการร่วงหนักของตลาดได้แก่ ความวิตกต่อสงครามราคาน้ำมันดิบ หลังจากที่ร่วงลงแรง 25% ซึ่งเป็นการลดลงมากสุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่สงครามอ่าวเปอร์เซียปี 1991เป็นผลจากการดั๊มป์ราคาของซาอุดิอาราเบียลงมา 6-8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเพิ่มกำลังการผลิตเนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบโอเปกไม่สามารถทำข้อตกลงเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาในช่วงที่โลกประสบกับการระบาดของวรัสโควิด-19 กับรัสเซียได้ในการเจรจาสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 10.15 ดอลลาร์ หรือ 24.6% ปิดที่ 31.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 10.91 ดอลลาร์ หรือ 24.1% ปิดที่ 34.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงซ้ำเติมความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของนักลงทุนซึ่งวิตกการระบาดของไวรัสโควิด-19อยู่แล้ว หลังจากโรงงานหยุดการผลิต การเดินทางถูกระงับ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 100,000 ราย ในอิตาลีมีผู้ถูกกักกันกว่า 16 ล้านคน
หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 12.24% หุ้นเชฟรอนลดลง 15.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตันลดลง 37.6% หุ้นมาราธอน ออยล์ ลดลง 46.8%
หุ้นกลุ่มธนาคาลดลงหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงไปที่ระดับต่ำกว่า 0.318%
โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาลดลง 14.7% หุ้นมอร์แกน สแตนเล่ย์ลดลง 10.35% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ลดลง 10.39% หุ้นเจพีมอร์แกน เชสลดลง 13.57% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โกลดลง 12.45%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปลดลง โดยหุ้นแอปเปิลลดลง 7.9% หุ้นไมโครซอฟท์ลดลง 6.7% หุ้นเฟซบุ๊กลดลง 6.4% หุ้นอินเทลลดลง 8.8% หุ้น Nvidiaลดลง 7.4%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง ส่งผลให้เข้าสู่ภาวะตลาดหมี นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซลดลงมากกว่า 16% จากความกังวลต่อราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงกว่า 20% จากการหั่นราคาของซาอุดิอาราเบียหลังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตกับรัสเซีย ขณะที่ความกังวลต่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อในหลายประเทศยุโรปเพิ่มขึ้น และรัฐบาลอิตาลีได้ประกาศมาตรการแรงทั่วประเทศเพื่อสกัดกการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,965.77 จุด ลดลง 496.78 จุด, -7.69%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 339.50 จุด ลดลง 27.3 จุด, -7.44%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,707.91 จุด ลดลง 431.19 จุด, -8.39%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,625.02 จุด ลดลง 916.85 จุด, -7.94%