TSR ตั้งป้ารายได้ปี 63 โต 10% วิกฤติน้ำกร่อยเพิ่มโอกาสธุรกิจ

HoonSmart.com>> “เธียรสุรัตน์” มั่นใจ ปี 63 ผลงานโตต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้โต 10% ลุยขยายสาขาแตะ 30 สาขา ประเมินวิกฤติน้ำกร่อยเพิ่มโอกาส หนุนความสนใจเครื่องกรองน้ำประเภท RO ช่วยลดผลกระทบ หลังปี 62 กำไรเพิ่มขึ้นแตะ 109 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 62 อัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น

นายเอกรัตน์ แจ้งอยู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เธียรสุรัตน์ (TSR) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2563 จะเติบโต 10% ด้วยการขยายสาขาอีก จำนวน 8 สาขา ซึ่งจะทำให้ในปี 63 มีสาขาประมาณ 30 สาขา โดยจะเน้นสาขาในจังหวัดพื้นที่รอบ ๆ กรุงเทพมหานคร อาทิเช่น สุพรรณบุรี กาญจนบุรี จันทบุรี รวมถึงการสร้างทีมขายเพิ่มขึ้นเพื่อทำการตลาดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

บริษัทฯ จะพยายามรักษาระดับ NPL ในปี 63 ไว้ไม่เกินระดับ 5% โดยบริษัทได้มีการตรวจสอบเครดิตในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า รวมถึงการขยายช่องทางขายสินค้าออนไลน์ที่มีอัตราหนี้เสียในระดับต่ำ จึงทำให้ภาพรวม NPL จะลดลง

สำหรับการเก็บเงินของบริษัทฯ ในปัจจุบัน แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสหรือโอนเงิน (Direct Payment) คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 20% และผ่านพนักงาน คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 80% โดยในปี 2563 บริษัทฯ จะพัฒนาระบบการเก็บเงินให้สอดคล้องกับการขยายยอดขายทาง Online คาดว่าสัดส่วนการเก็บเงินของบริษัทผ่านช่องทาง Direct Payment จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 30% และผ่านพนักงานปรับตัวลดลงเหลือ 70%

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของจำนวนครัวเรือนที่เปลี่ยนแปลงไปตามสังคมและวิถีการใช้ชีวิตที่เน้นไปทางครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น วิกฤตน้ำกร่อยที่คาดว่ามีแนวโน้มรุนแรงไปจนถึงกลางปี 63 ซึ่งเป็นผลจากปัญหาภัยแล้งและน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ความต้องการใช้เครื่องกรองน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่น RO (Reverse Osmosis) ที่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อบวกกับลักษณะการขายที่เน้นรูปแบบการผ่อนชำระ ยิ่งทำให้โอกาสการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีมากกว่าการซื้อขายด้วยเงินสดเต็มจำนวน

นายเอกรัตน์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 109.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.66% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 106.79 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,676.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.95 % จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 1,613.09 ล้านบาท

ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของกำไร เนื่องจากรับรู้รายได้จากสาขาที่มีอยู่ปัจจุบัน 23 สาขา และทีมขายที่แข็งแกร่ง โดยมีการพัฒนาด้านการตลาดแบบ digital marketing การเพิ่มพนักงานขายทางโทรศัพท์ พนักงานขายตรง พร้อมรถเดินตลาด รวมถึงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพ ทีมงานขาย จากผลการนำระบบ Real-Time GIS มาใช้ช่วยหนุนฐานสินเชื่อเพิ่มขึ้น และผลจากการบริหารคุณภาพลูกหนี้ที่เข้มงวดขึ้น โดยกำหนดจำนวนงวดผ่อนชำระสินค้าที่สั้นลง (ไม่เกิน 1 ปี) และวิเคราะห์สินเชื่อผ่านระบบ Credit approval ทำให้หนี้สงสัยจะสูญลดลง

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 63 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยจะกำหนดปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 29 เม.ย. 63 และกำหนดจ่ายเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 22 พฤษภาคม 2563

“ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2562 มีทิศทางที่ดีขึ้น จากการบริหารทีมขายตรงด้วยการเพิ่มทีมขายตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 2562 เป็นต้นมา รวมกับหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากการบริหารและติดตามอย่างใกล้ชิด จนทำให้กำไรต่อหุ้นของกลุ่มบริษัทในปีนี้เท่ากับ 0.199 บาทเทียบกับผลกำไรต่อหุ้นในปีก่อนที่เท่ากับ 0.205 บาท นอกจากนี้ยังมีการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทีมขาย ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยจะชะลอตัว แต่บริษัทฯ สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้และเชื่อว่าในปี 2563 ยังคงมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”นายเอกรัตน์ กล่าว