HoonSmart.com>>”สารัชถ์ รัตนาวะดี” เก็บหุ้น กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ 1 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ย 162.16 บาท ด้านธุรกิจสร้างความมั่นใจนักลงทุน เติบโตเข้าเป้าตามแผน 5 ปี รายได้ปีนี้เพิ่มขึ้น 10% ปีหน้าแตะ 5 หมื่นล้านบาท ปี 68 ถึง 1.4 แสนล้านบาท โรงไฟฟ้าเริ่มทยอย COD ปี63 เตรียมเงินลงทุน 3.6 หมื่นล้านบาท จากกระแสเงินสด 1 หมื่นล้านบาท ศึกษาลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน สร้างการเติบโตต่อเนื่อง
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 2 มี.ค.2563 ได้ซื้อหุ้นจำนวน 1 แสนหุ้นราคาเฉลี่ย หุ้นละ 162.16 บาท รวมเป็นเงิน 16.21 ล้านบาท ทั้งนี้ วันที่ 3 มี.ค. ราคาปิดที่ 169.50 บาท +6.50 บาท คิดเป็น 3.99%
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 เติบโตประมาณ 10% จากปีก่อนหน้าทำได้ 33,549 ล้านบาท มาจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าประเภท SPP เต็มปี ทั้งหมด 12 โครงการ กำลังการผลิตรวม 1,563 เมกะวัตต์ (MW) และโรงไฟฟ้าไบโอแมส กำลังการผลิต 25 MW ที่เริ่มจ่ายไฟเข้าระบบในช่วงเดือน มี.ค. โรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่เวียดนามจะเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบในช่วงปลายปี กำลังการผลิต 30 MW ในเวียดนามก็เริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโซลาร์กำลังการผลิต 120 MW
บริษัทวางแผน 5 ปี (2564-2568) ตั้งเป้ามีรายได้ถึง 140,000 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มีรายได้ประมาณ 50,000 ล้านบาท มาจากการจ่ายไฟเข้าระบบของโรงไฟฟ้า GSRC ขนาดกำลังการผลิต 2,500 MW โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 310 MW โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่โอมาน 326 MW จ่ายไฟเข้าระบบในปี 2565 ในปี 2566 โรงไฟฟ้า IPP ที่ปลวกแดง ขนาดกำลังการผลิต 2,500 MW จ่ายไฟเข้าระบบ จนถึง 2568 โรงไฟฟ้าหินกอง ขนาดกำลังการผลิต 1,400 MW จ่ายไฟเข้าระบบครบทั้ง 2 แห่ง
สำหรับแผนลงทุนในปี 2563 บริษัทฯใช้เงิน 36,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินทุนของบริษัทประมาณ 10,000 ล้านบาท สำหรับแผนการลงทุนในช่วง 7 ปี (2563-2569) จะมีการลงทุน 140,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินทุนที่บริษัทต้องใช้จำนวน 40,000 ล้านบาท มาจากกระแสเงินสด โดยยังมีความสามารถในการก่อหนี้ได้เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 1.57 เท่า และในปี 2564-2565 จะมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.5-2.6 เท่า ซึ่งบริษัทฯจะควบคุมไม่ให้เกิน 3.5 เท่า
นางสาวยุพาพิน กล่าวว่า บริษัทฯเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ในช่วงกลางปี 2563 เพื่อนำเงินไปลงทุนพัฒนาโครงการที่มีอยู่ตาม PPA โรงไฟฟ้าประเภท IPP ที่มีอยู่ส่วนใหญ่ในประเทศไทย ขนาดกำลังการผลิต 5,000 MW และโครงการโครงสร้างพื้นฐานมาบตาพุดเฟส 3-มอเตอร์เวย์ รวมถึงโรงไฟฟ้าที่โอมาน และเวียดนาม
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนใหม่ ๆ ทั้งรูปแบบการซื้อกิจการหรือในรูปแบบร่วมลงทุน กับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในโครงการพลังงานหมุนเวียน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ LNG ที่ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตสูงสุด 6,000 MW โครงการคลังจัดเก็บก๊าซ LNG อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากรัฐบาลเวียดนามว่าให้อยู่ในแผน PDP ของประเทศเวียดนามหรือไม่ คาดว่าจะมีการพิจารณาในช่วงไตรมาส 3/2563
บริษัทยังคงศึกษาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ที่สปป.ลาวร่วมกับพันธมิตรที่ประเทศจีน ขนาดกำลังการผลิตสูงสุด 2,400 MW บริษัทฯ มีแผนจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 30% โดยโครงการจะทำสัญญาและขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และมีการเจรจากับรัฐบาลโอมาน เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน กำลังการผลิต 2,000 MW ปัจจุบัน ในประเทศโอมาน บริษัท ฯ กำลังก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานจากก๊าซธรรมชาติ เพื่อขายไฟให้กับโรงกลั่นน้ำมัน