‘พระนาย-ภาณุ’ถูกบีบทิ้ง PSTC 466 ล้านหุ้น 2 มี.ค.ฟลอร์ ขาดทุนยับเฉียด 70 ลบ.

HoonSmart.com>>อึ้ง! ต้นเหตุเพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี ฟลอร์  จาก 2 ผู้บริหารถูก Force sell  “พระนาย กังวลรัตน์” ถูก 3 โบรกเกอร์บังคับขายที่ 0.35 บาท รวม 252.78 ล้านหุ้น เป็นเงิน 88 ล้านบาท คาดขาดทุนอย่างน้อย 37.91 ล้านบาท ส่วน “ภาณุ” ผ่าน 2 โบรกเกอร์  213 ล้านหุ้น คาดขาดทุน 31 ล้านบาท

นาย พระนาย กังวลรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี (PSTC) รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 2 มี.ค. 2536 ได้ขายหุ้นออก 3 รายการ จำนวน 252,784,800 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.35 บาท รวมเป็นเงิน 88.47 ล้านบาท โดยขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์(บล.) กรุงไทย ซีมิโก้ จำนวน 950,000 หุ้น บล.หยวนต้า 173,048,000 หุ้นและบล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) 78,786,800 หุ้น คงเหลือหุ้นทั้งสิ้น 201,348,000 หุ้น ทั้งนี้นายพระนาย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 จำนวน 450,346,000 หุ้น สัดส่วน 6.55% ของทุนชำระแล้ว  และเบื้องต้นคาดว่านายพระนาย ขาดทุนจากการขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 37.91 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับราคาปิดวันก่อนหน้าที่หุ้นละ 0.50 บาท

ส่วน นายภาณุ ศีติสาร ประธานกรรมการบริษัท PSTC แจ้งการขายหุ้นจำนวน 213.47 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 75.4 ล้านบาท โดยขายผ่าน บล.จีเอ็มโอ 2 รายการ คือจำนวน 144 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 0.35 บาท เป็นเงิน 50.4 ล้านบาท และอีก 10 ล้านหุ้นราคา 0.36 บาท เป็นเงิน 3.6 ล้านบาท รวมถึงการขายผ่านบล.โนมูระ พัฒนสิน ในราคาหุ้นละ 0.36 บาท จำนวน 22.5 ล้านหุ้น เป็นเงิน 8.1 ล้านบาท และ 36,971,400 หุ้นเป็นเงิน 13.30 ล้านบาท ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่านายภาณุขาดทุนจากการขายหุ้นครั้งนี้ ประมาณ 31 ล้านบาท

วันที่ 2 มี.ค. 2563 ราคาหุ้น PSTC ราคาดิ่งฟลอร์ที่ 0.35 บาท และฟื้นมาปิดที่ 0.36 บาท ลดลง 0.14 บาท คิดเป็น 28% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงผิดปกติที่ 651 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ นายพระนาย กล่าวว่า การขายหุ้นของผู้บริหาร 2 คน ส่วนหนึ่งมีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาซื้อไป จำนวน 173 ล้านหุ้น ราคา 0.35 บาทซึ่งเป็นการเข้าลงทุนระยะยาว
ส่วนการถูก force sel เพราะมองว่าการใช้สินเชื่อซื้อหลักทรัพย์ (margin loan ) เป็นเครื่องมือที่นำมาใช้ในการลงทุน เลยตัดสินใจกู้เงินมาเพื่อซื้อหุ้น แต่ตลาดเกิดปัญหาไข้หวัดไวรัสโควิด-19 ทำให้ราคาหุ้นตกลงมารุนแรง หุ้นอยู่ในสถานะ force sell จึงจำเป็นต้องตัดขายออกมาทั้งหมด เพื่อปิดสถานะ

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ไม่กระทบแผนธุรกิจ หรือโครงสร้างการบริหารแต่อย่างใด อีกทั้งโครงสร้างของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง