HoonSmart.com>>ก.ล.ต.แถลงแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (2563-2565) เล็งสร้างความพร้อมในการแข่งขันของคนกลาง หวังให้บริการประชาชนดีขึ้น ให้คนไทยเกษียณสุข กางข้อมูล บล.ทั้งระบบ 48 บริษัทมีกำไรรวมแค่ 5,000 ล้านบาทในปี 62 ต้นทุนค่าคอมมิชชันเฉลี่ย 0.7% คิดลูกค้าต่างชาติต่ำ ส่วน 23 บลจ. โกยกำไรกว่า 1 หมื่นล้านบาท ขายหน่วยลงทุนเองมากขึ้น ลูกค้ายังคงสนใจลงทุนผ่านกองทุนรวม ด้านผลดำเนินงานตลาดหลักทรัพย์ มีรายได้สูงกว่ารายจ่าย 3,114 ล้านบาท
นางวรัชญา ศรีมาจันทร์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวหัวข้อ “เสริมสร้างความพร้อมแข่งขัน สร้างภูมิคุ้มกันวัยเกษียณ” ในงานแถลงแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ปี 2563 –2565 ว่า ก.ล.ต.กำลังจัดภูมิทัศน์ สนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์(บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)เข้มแข็ง แข่งขันได้ เพื่อให้บริการที่ดีขึ้น สร้างภูมิคุ้มกันวัยเกษียณ จากข้อมูลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีสมาชิก 3 ล้านคน พบว่าประมาณ 74% มีเงินออมไม่เพียงพอใช้ตอนเกษียณ
“ก.ล.ต.กำลังพิจารณากฎกติกา อาทิ ทบทวนโครงสร้างใบอนุญาต และปรับปรุงการกำกับ แทนที่จะสุ่มตรวจความเสี่ยง จะไปดูแลว่าได้บริษัทได้ดูแลคความเสี่ยงได้ดีหรือยัง เช่น ขายตราสารหนี้มีการวิเคราะห์อย่างดีหรือไม่ “นางวรัชญากล่าว
ปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์มีทั้งหมด 48 บริษัท พบว่าผลการดำเนินงานในปี 2562 มีกำไรรวม 5,049 ล้านบาท รายได้ส่วนใหญ่ 64% ยังคงพึ่งพาค่าคอมมิชชัน ที่มีการแข่งขันเก็บในอัตราต่ำลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่มีต้นทุนค่าคอมมิชชัน 0.7% และยังมีค่าใช้จ่ายงานวิเคราะห์วิจัยสูงด้วย
ส่วนบลจ.มีทั้งหมด 23 บริษัท กลับมีกำไรทั้งสิ้น 1.91 หมื่นล้านบาทในปี 2561 เพิ่มขึ้นจากที่มีกำไร 9,870 ล้านบาทในปี 2560 เพราะประชาชนมีการลงทุนผ่านกองทุนรวมมากขึ้น มูลค่าสินทรัพย์เติบโตต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นกองตราสารหนี้ และเร่ิมเพิ่มขึ้นในส่วนหุ้น รวมถึงการออกไปลงทุนยังต่างประเทศ รวมกับบลจ.มีการขายหน่วยลงทุนเองเพิ่มขคึ้น แม้ว่าส่วนใหญ่ยังขายผ่านธนาคารพาณิชย์ก็ตาม
รองเลขาธิการ กล่าวว่า โครงสร้างตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมากขึ้น และนักลงทุนทั่วไปมีการซื้อขายน้อยลง ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีสมาชิกเพียง 3 ล้านคน นับว่าน้อยเทียบกับวัยแรงงานที่มีถึง 15 ล้านคน รวมถึงสมาชิกยังมีการออมต่ำ ประมาณ 74% มีเงินไม่พอใช้จ่ายในยามเกษียณ จะต้องหาแนวทางและร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆในกาเพิ่มสมาชิกได้อีกมาก
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2562 ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีรายได้สูงกว่ารายจ่าย 3,114 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 7,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.75% จากปีก่อนหน้า โดยรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 162 ล้านบาท จากจำนวนบริษัทจดทะเบียนและหลักทรัพย์ใหม่เพิ่มขึ้น รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 184 ล้านบาท จากการรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยจากเหตุวางเพลิงอาคารเดิมของตลาดหลักทรัพย์ฯ และรายได้จากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 362 ล้านบาท กำไรจากการขายกองทุนและกำไรจากการ mark to market ของเงินลงทุน
ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ 4,217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า จากค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่
ปีที่ผ่านมามีการออกพ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 6) กำหนดให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ โอนเงินให้กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จำนวน 5,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการพิเศษเฉพาะปี 2562 ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ 2,599 ล้านบาท