กลุ่ม KTIS เปิดตัวเลขหลังปิดหีบได้ผลผลิตอ้อย-น้ำตาลทรายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หนุนอุตสาหกรรมต่อเนื่องมีวัตถุดิบมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลโตโดดเด่นตั้งแต่ไตรมาสแรก รายได้พุ่ง 82.5% ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษและบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยมีโอกาสช่วงที่เหลือ ราคาเยื่อกระดาษทรงตัวระดับสูง
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า หลังจากปิดหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 2560/2561 กลุ่ม KTIS มีอ้อยเข้าหีบ 11.6 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทรายได้ 11.8 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้น 25.5% จากปีก่อนที่ได้น้ำตาลทราย 9.4 ล้านกระสอบ
“ปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ ทำให้มีวัตถุดิบป้อนให้กับโรงงานต่างๆ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากขึ้น โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งมีรายได้จากการขายไฟฟ้าไตรมาสแรกปีนี้ 449 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 82.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อนที่มีรายได้ 246 ล้านบาท” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
สำหรับโรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อยและบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากเยื่อชานอ้อยก็มีวัตถุดิบมากขึ้นเช่นกัน ประกอบกับราคาขายเยื่อกระดาษปีนี้สูงกว่าปีก่อน จึงเชื่อว่ารายได้จากสายธุรกิจนี้จะมีการเติบโตที่ดี นอกจากนี้ กระแสการรณรงค์ให้ลดใช้วัสดุและบรรจุภัณฑ์ประเภทโฟมและพลาสติก จะช่วยหนุนให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการขายบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากชานอ้อยของกลุ่ม KTIS เติบโตได้ดีด้วย
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS ในไตรมาสแรกปี 2561 (ม.ค.– มี.ค.2561) มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 4,157.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 323.5 ล้านบาท หรือ 8.4% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 3,833.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้ 86.8 ล้านบาท โดยรายได้สายธุรกิจน้ำตาลเพิ่มขึ้น 4.7% จากปริมาณการขายน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น สายธุรกิจผลิตเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย เพิ่มขึ้น 7.9% เนื่องจากราคาขายเยื่อกระดาษเพิ่มขึ้นแม้ว่าปริมาณการขายจะลดลงเล็กน้อย ส่วนสายธุรกิจเอทานอล รายได้ลดลง 18.7% จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง