TOP หวังมาร์จิ้นฟื้นหนุนกำไรปี 63 เสียงเชียร์ “ซื้อ” ดังขึ้น ราคาหุ้นถูก

HoonSmart.com>>”วิรัตน์” บิ๊กไทยออยล์คาดมาร์จิ้นปีนี้ดีขึ้น เตรียมหาโอกาสจากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นและสเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ยันเดินหน้าลงทุนโครงการพลังงานสะอาด นักวิเคราะห์เผยไตรมาส 4/2562 พลิกมีกำไรดีเกินคาด  ผลงานไตรมาส 1 ลงต่ำสุด ราคาหุ้นต่ำ บางเสียงเตือนอย่าเพิ่งรีบซื้อ รอลงกระแทกจากการปรับลดประมาณปี 63-64

 

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2563 ยังขึ้นอยู่กับอัตรากำไรหรือมาร์จิ้น ซึ่งอาจจะถูกกระทบทางอ้อมบ้าง จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อความต้องการน้ำมันที่ลดลง ซึ่งจะกระทบต่อมาร์จิ้นในที่สุด แต่เริ่มมีสัญญาณว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร อาจจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง ช่วยพยุงราคาน้ำมัน ส่วนผลิตภัณฑ์พาราไซลีน (PX) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของบริษัท มาร์จิ้นยังได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตใหม่ในจีนที่จะเพิ่มเข้ามาในปีนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ามาร์จิ้นจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเผชิญกับส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับต่ำ ค่าการกลั่น (GRM) อยู่ในระดับต่ำในไตรมาส 4 จึงเตรียมหาโอกาสจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้น เลือกวิธีที่บริษัทสามารถปรับตัวได้เร็ว เช่น การกลั่นน้ำมันกำมะถันต่ำ เพื่อให้ได้เกณฑ์ IMO แล้วนำไปขาย หรือไม่สนใจ IMO ผลิตน้ำมันกำมะถันสูง ที่ราคาต่ำ บริษัทเน้นเรื่องประสิทธิภาพในการกลั่นจะเคลื่อนไหวได้เร็ว และบริหารความเสี่ยงด้านราคาตามช่วงเวลาที่เหมาะสม

ทั้งนี้ค่าการกลั่นในเดือนม.ค.2563 อยู่ที่กว่า 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2562 แต่ในช่วงเดือน ก.พ. เริ่มเร่งตัวขึ้น

“ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ชัดเจน หากราคาน้ำมันลดลงจะส่งผลต่อต้นทุนน้ำมันให้ลดลงด้ว  ถ้ามาร์จิ้นยังอยู่ระดับที่ดีก็จะส่งผลดีต่อบริษัท โดยในไตรมาส 1 คาดว่าจะมีอัตราการกลั่นมากกว่า 110% ซึ่งเป็นภาวะปกติ”นายวิรัตน์กล่าว

ส่วนแผนในปี 2563 การลงทุนส่วนใหญ่ยังอยู่ในโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ที่มีมูลค่าการลงทุน 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและขยายกำลังการกลั่นน้ำมันจากเดิม 2.75 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน จะแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องในไตรมาส 1/66 แต่การใช้เงินลงทุนจะมากที่สุดในปีนี้อย่างน้อย 6 หมื่นล้านบาท

บริษัทไทยออยล์ รายงานผลงานปี 2562 มีกำไรสุทธิ 6,276 ล้านบาท ลดลง 3,873 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 38% จากที่มีกำไรสุทธิ 10,149ล้านบาทในปี 2561 แม้ว่า ไตรมาส 4/2562 บริษัทพลิกมีกำไร 1,984 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 683 ล้านบาทในไตรมาส 3 และขาดทุนถึง 4,812 ล้านบาทในไตรมาส 4/2561 ก็ตาม

นักวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) มองว่า ไตรมาส 4 มีกำไรสุทธิ 1,984 ล้านบาท ดีกว่าที่ดีบีเอสฯและตลาดคาดการณ์ไว้ 32%/16% เพราะมาร์จิ้นผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นดีขึ้น ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ และมีกำไรสต็อก & กำไรจาก Hedging ช่วยหนุน แต่ค่าการกลั่นลดลง & ค่าพรีเมียมน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

แนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/2563 อ่อนแอ เพราะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ค่าการกลั่นผลิตภัณฑ์ต่างๆลดลง  -18% ถึง -34% แต่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นหลังจบการแพร่ระบาด จึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-2564ลง -49%/-40% สะท้อนค่าการกลั่น (GRM) ที่ต่ำกว่าคาดการณ์เดิม โดยสมมติฐานใหม่ให้ GRM 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปี 2562 อยู่ที่ 3.1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และลดสเปรดอะโรเมติกส์ & น้ำมันหล่อลื่นลงด้วย จากอุปสงค์ยังไม่ดีและมีกำลังผลิตใหม่จากจีนเข้ามาทั้ง PX & BZ รวมแล้ว 4 ล้านตัน

“คงคำแนะนำซื้อ แต่ลดราคาพื้นฐานลงเป็น 69 บาทจากเดิม 78 บาท คาดว่าผลประกอบการปี 2563 จะดีขึ้นจากฐานที่ต่ำมากในปี 2562 และให้อัตราผลตอบแทนปันผลประมาณ 4.5%”บล.ดีบีเอสฯระบุ

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) แนะนำ “TRADING” ราคาเป้าหมายใหม่ 62 บาท หลังประกาศกำไรสุทธิ ไตรมาส 4 ดีกว่าคาดจากรายการพิเศษ แต่ผลการดำเนินงานหลักขาดทุน อ่อนแอใกล้เคียงที่เราคาด  หลายปัจจัยลบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้อุตสาหกรรมโรงกลั่น-อะโรมาติกส์ซบเซาลง คาดว่ากำไรปี 2563-2564 อยู่ที่ 7,000 -11,200 ล้านบาท ตามลำดับ

“เชื่อว่าผลการดำเนินงาน-ค่าการกลั่นในไตรมาส 1 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และราคาหุ้นปัจจุบันมีส่วนลดน่าสนใจ แต่อาจยังไม่ต้องรีบเข้าซื้อ เนื่องจากหุ้นมีโอกาสถูกตลาดปรับลดประมาณการลงอีก”บล.หยวนต้าระบุ

บล.กสิกรไทย คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 70 บาท อิงตามการฟื้นตัวของผลประกอบการในครึ่งปีหลังและราคาหุ้นที่ไม่เหมาะสม คาดผลประกอบการไตรมาส 1/2563  น่าจะต่ำที่สุดของปี  ค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้นในเดือนก.พ.เป็น 4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากอัตราค่าระวางเรือที่ลดลงและส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ลดลง

ทั้งนี้ กำไรไตรมาส 4/2562 สูงกว่าที่เราและการคาดการณ์ของตลาด 15-18% จากกำไรหลักที่แข็งแกร่งและกำไรจากการป้องกันความเสี่ยง PX ที่สูงกว่าคาด