กนง.ลดดอกเบี้ยเหลือ 1% ปลุกศก. เงินบาทอ่อน-หุ้นขึ้น กสิกรฯลด MRR

HoonSmart.com>>กนง.หนีไม่พ้น ลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 1% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เจอ 3 ปัจจัยลบรุมเร้า หมดหวังเศรษฐกิจปีนี้โต 2.8% เอกชนรุมหั่นจีดีพีเหลือ 2% ต้น ๆ กดค่าเงินบาทอ่อนตัว ผลตอบแทนพันธบัตรลง กรุงศรีฯ คาดธปท.เปิดทางลงดอกเบี้ยได้อีก  ธนาคารกสิกรไทยนำร่องลด MRR 0.25% ฝากประจำลง 0.05%-0.25%

ตลาดหุ้นขานรับ พุ่งขึ้น 14 จุด ความหวังจีนค้นพบยาต้านไวรัสสำเร็จ  ตลาดชูหุ้นไทยแกร่ง ปันผลสูง 3.4% IPO ยังไม่เปลี่ยนแผนเข้าตลาด บล.โนมูระพัฒนสินชวนซื้อลิสซิ่ง อสังหาริมทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัสรอจังหวะตั้งรับ BBL-KBANK ราคาถูก ปันผลสูง

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการกนง. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 มีมติเอกฉันท์รลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.00% ถือว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ การตัดสินใจครั้งนี้ประเมินว่าเศรษฐกิจในปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 2.8% และต่ำกว่าระดับศักยภาพมากขึ้น จากการระบาดของไวรัสโคโรนา ความล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และภาวะภัยแล้งที่อาจรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้  ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2563 และปี 2564 มีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อตลอดช่วงประมาณการ เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางเพิ่มขึ้น จำเป็นที่จะต้องประสานมาตรการทั้งทางการเงินและการคลัง

สินเชื่อภาคธุรกิจมีแนวโน้มชะลอลงตามเศรษฐกิจ เงินบาทแม้อ่อนค่าลงบ้าง แต่ยังอาจไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน  และมีแนวโน้มผันผวน ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด พร้อมติดตามประสิทธิผลของการผ่อนคลายกฎเกณฑ์กำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออก และสนับสนุนให้ ธปท. ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับระบบการเงินมีความเปราะบางมากขึ้น  โดยเฉพาะความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและธุรกิจ SMEs  จึงต้องติดตามพฤติกรรมการก่อหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ที่พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในภาวะดอกเบี้ยต่ำ การขยายสินทรัพย์และความเชื่อมโยงภายในของสหกรณ์ออมทรัพย์ และการก่อหนี้ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่อาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร

“ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าจำเป็นต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยแบบติดลบหรือไม่ แต่การปรับลดดอกเบี้ยเหลือ 1% เป็นเครื่องมือ ที่กนง.ได้มีการหารือ และเตรียมไว้ใช้ในภาวะที่จำเป็นต้องเพิ่มสภาพคล่อง และปรับโครงสร้างหนี้ให้กับภาคธุรกิจและครัวเรือน แต่ยังไม่จำเป็นต้องถึงขั้นใช้มาตรการ QE เพราะสภาพคล่องในระบบไม่ได้มีปัญหา”นายทิตนันทิ์กล่าว

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รายงานว่าการลดดอกเบี้ยของกนง. ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงมาที่ 31.25 ต่อดอลลาร์ แต่ท้ายตลาดพลิกแข็งค่ามาอยู่ที่ 30.99 ขณะที่การซื้อขายผันผวนมากในช่วงบ่าย ทั้งนี้เงินบาทกลายเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดในเอเชีย โดยอ่อนค่าลง 3.9%

นอกจากนี้การตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับต่ำสุดครั้งใหม่นี้ถือเป็นการเปิดทางให้มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้อีก ถ้าหากสถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม แม้ว่ายังไม่แน่ใจถึงประสิทธิผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร กล่าวว่า ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้เหลือ 2.2% จาก 2.8% จากหลายปัจจัย รวมถึงร่างงบประมาณ ปี 2563 ล่าช้าไปแล้วถึง 4 เดือน คิดเป็นมูลค่า 2.6 แสนล้านบาท หรือ 21% จากจำนวนเงินของปีที่แล้ว และอาจจะต้องเลื่อนเวลาใช้บังคับออกไปอีก 1-2 เดือน ถูกใช้จ่ายในช่วงครึ่งปี อาจไม่เพียงพอในการพยุงเศรษฐกิจในประเทศ

​นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยนำร่องปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR สำหรับลูกค้าบุคคล และลูกค้าเอสเอ็มอีลง 0.25%  เป็น 6.62% ส่วนดอกเบี้ยเงินฝาก ปรับลดเฉพาะเงินฝากออมทรัพย์นิติบุคคลลง 0.10% – 0.12% และเงินฝากประจำลง 0.05%-0.25% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2563 เป็นต้นไป

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะการซื้อขายประจำวันที่ 5 ก.พ. 2563 อัตราผลตอบแทน พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.1% ลดลงจากเมื่อวาน -0.03% โดยรวมอัตราผลตอบแทน ปรับตัวลงค่อนข้างมากจากวันก่อนหน้า ประมาณ 0.01-0.06% ในทิศทางเดียวกับผลการประชุม กนง.

ด้านตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ดัชนีปิดที่ 1,534.14 จุด เพิ่มขึ้น 14.76 จุด คิดเป็น 0.97% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 67ม458 ล้านบาท เกิดจากฝีมือสถาบันในประเทศซื้อมากถึง 5,577 ล้านบาท ต่างชาติขายหนัก 3,628 ล้านบาท รายย่อยทำกำไรอีก 1,035 ล้านบาท หลังจากมีข่าวว่าจีนสามารถคิดค้นยาและวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาได้สำเร็จ ส่งให้ตลาดหุ้นเอเชีย ยุโรป และดัชนีล่วงหน้าของตลาดหุ้นสหรัฐ 3 แห่งปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะดาวโจนส์บวกมากกว่า 200 จุด และราคาน้ำมัน WTI ขึ้นมาซื้อขายที่ 50.82 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ2.44%

บล.โนมูระพัฒนสิน แนะนำการลงทุนในภาวะดอกเบี้ยต่ำ เน้นหุ้นลิสซิ่ง,อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มให้ปันผลสูง เช่น ADVANC , INTUCH, TVO ส่วนหุ้นแบงก์ที่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยที่ลดลง บล.ฟินันเซีย ไซรัสมองว่าแบงก์ค่อนข้างถูก และปันผลสูง รอจังหวะตั้งรับ BBL, KBANK

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นจะกลับมาฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้ จากการกระตุ้นของภาครัฐและหุ้นไทยมีความแข็งแกร่ง มีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย ในอนาคตจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงแม้ในภาวะตลาดผันผวน สำหรับภาวะตลาดที่มีความผันผวน แผนการเข้าตลาดของหุ้นใหม่ การเสนอขาย IPO ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นในเดือนม.ค.ปรับตัวลงตามแรงขายของต่างชาติ ทำให้อัตราเงินปันผลตอบแทน อยู่ที่ระดับ 3.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.9%  แต่คาดการณ์อัตราราคาปิดกำไรต่อหุ้น (Forward P/E) และ อัตราราคาปิดกำไรต่อหุ้น (Historical P/E) ของตลาดอยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า และ 18.4 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในเอเชียที่ระดับ 12.9 เท่า และ 15.4 เท่า

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้า ในภาวะสองต่ำ คือทั้งอัตราดอกเบี้ยและเศรษฐกิจ เป็นไปได้ยาก และต้องให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่ามุ่งหวังผลตอบแทน คาดว่าไวรัสโคโรนาที่ลุกลามจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนชัดเจนในไตรมาส 1 แต่หุ้นของจีนก็น่าสนใจมากที่สุด แม้ว่าแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจะไม่สูงถึง 10% อย่างที่คาดการณ์ไว้ และยังมีโอกาสลดลงอย่างต่อเนื่อง ไปถึง 6% 5% 4 % และ 3%

” เราบริหารเงินให้ลูกค้า โดยให้เลือกตามความเสี่ยง 3 ระดับคือ ต่ำ ปานกลางและสูง แบ่งเป็น 2 พอร์ต คือพอร์ตหลักให้ลงทุนประมาณสัดส่วน 60-70% ที่มีการกระจายการลงทุน บริหารความเสี่ยงที่ดี ส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ มีโอกาสได้ผลตอบแทนประมาณ 5% ส่วนพอร์ตรอง จัดสรรตามความต้องการของลูกค้า มีการแบ่งตราสารหนี้ หุ้น และทองคำอย่างละ 10% ส่วนนี้ไม่มีหุ้นไทย เพราะได้ขายออกไปประมาณกลางปี 2562 รวมถึงการขายทำกำไรหุ้นสหรัฐ ปัจจุบันพอร์ตมีเงินสดอยู่ในมือประมาณ 6-11% รอจังหวะในการเข้าลงทุน และหากเห็นโอกาสและความเสี่ยงไม่มาก พร้อมใช้เครื่องมืออนุพันธ์สร้างอัตราทด เพื่อสร้างผลตอบแทนมากขึ้น “นายจิรวัฒน์กล่าว

นอกจากนั้นยังมองหาโอกาสในการลงทุนในหุ้นนอกตลาด และอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศด้วย  เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว โดยไม่มีความผันผวนตามปัจจัยแวดล้อมที่เข้ามากระทบในแต่ละช่วง