HoonSmart.com>>คณะกรรมการกำกับตลาดทุนเห็นชอบ 3 เกณฑ์ใหญ่ เปิดทางเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพระดมทุนได้ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง จำกัดนักลงทุนและวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท ก.ล.ต.คาดสรุปหลักเกณฑ์ในไตรมาส 1/2563 ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเสนอขายหุ้นกู้ผ่านระบบคราวด์ฟันดิง และเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมให้บริษัท IPO ดำเนินธุรกิจบนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ประจำเดือน ม.ค.2563 ว่ามีมติเห็นชอบ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.เกณฑ์เปิดทางเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพระดมทุนได้ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง 2.การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นกู้ผ่านระบบคราวด์ฟันดิง และ 3.แนวทางการส่งเสริมให้บริษัทที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชน(IPO)ดำเนินธุรกิจบนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ในส่วนหลักเกณฑ์รองรับการระดมทุนของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด ออกและเสนอขายหุ้นที่จำกัดกลุ่มผู้ลงทุนและเงินระดมทุนไม่เกิน 20 ล้านบาท พร้อมเปิดโอกาสให้นำหุ้นจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองได้ สำหรับบริษัทที่มีผลการดำเนินการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือมีมูลค่ากิจการระดับหนึ่งแล้ว โดยไม่ต้องยื่นคำขออนุญาตต่อ ก.ล.ต. ยื่นไฟลิ่งเท่านั้น แต่ต้องเปิดเผยข้อมูลของกิจการและงบการเงินตามที่กำหนด โดยผู้ลงทุนต้องมีลักษณะที่กำหนด เช่น ผู้ลงทุนที่มีประกาศนียบัตรวิชาชีพที่แสดงถึงความรู้ด้านการเงินและการลงทุน ส่วนผู้ลงทุนทั่วไปที่มีความรู้และประสบการณ์การลงทุน ต้องมีเงินลงทุนโดยตรงในหุ้นเฉลี่ยตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปในรอบ 12 เดือนล่าสุด ทั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องหลักเกณฑ์ภายในไตรมาส 1/2563
สำหรับการจัดตั้งตลาดรองเพื่อรองรับการจดทะเบียนของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างหารือเรื่องรูปแบบตลาดที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
“ก.ล.ต.ขยายการทำงานกว้างขึ้นตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฉบับใหม่ปี 2561ที่ให้ทำงานสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งมีบทบาทสนับสนุนส่งเสริมเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพเข้าถึงแหล่งทุนให้กว้างขึ้น เพราะเอสเอ็มอีมีส่วนสนับสนุนจีดีพีถึง 42% เกิดการจ้างงาน 13-14 ล้านคน ส่วนวงเงินที่กำหนด 20 ล้านบาทนั้นมาจากการสอบถามข้อมูลธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดลางและขนาดย่อยแห่งประเทศไทย (SME) ถึงความต้องการใช้สินเชื่อของเอสเอ็มอีที่ผ่านมา”นางสาวรื่นวดีกล่าว
เลขาธิการก.ล.ต. กล่าวว่า การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นกู้ผ่านระบบคราวด์ฟันดิง กรณีมีผู้จองซื้อถึง 80% ของจำนวนเงินที่ตั้งไว้ โดยไม่ต้องยกเลิกการเสนอขายหากได้ไม่ครบ 100% แต่ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิง (Funding Portal) เปิดเผยและแจ้งเงื่อนไขที่จะไม่ยกเลิกการเสนอขายให้ผู้ลงทุนทราบก่อนจองซื้อ เพื่อลดข้อจำกัดตามเกณฑ์เดิมที่กำหนดว่าหากได้เงินไม่ครบ 100% ต้องยกเลิกการเสนอขาย (All-or-nothing) ซึ่งหลักเกณฑ์ใหม่ดังกล่าวสอดคล้องกับการกำกับดูแลในต่างประเทศ
หลักเกณฑ์ยังกำหนดให้ Funding Portal มีระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของ ก.ล.ต. เพื่อสร้างมาตรฐานและแนวทางในการประกอบธุรกิจให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ในส่วนหุ้นทุนยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิมหากได้ไม่ครบ 100% ของมูลค่าโครงการก็ให้ยกเลิกทันที
ปัจจุบันมี Funding Portal 3 รายที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้แก่ ไลฟ์ ฟินคอร์ป(หุ้น) ,ฟีนิกซิคท์(หุ้น),เพียร์พาวเวอร์ แพลตฟอร์ม(หุ้นและหุ้นกู้) โดยฟินิกชิคท์มีเอสเอ็มอีระดมทุนสำเร็จ 1 บริษัท มูลค่า 18.6 ล้านบาท และเพียร์พาวเวอร์ แพลตฟอร์มเตรียมเปิดขายหุ้นกู้เอสเอ็มอี 3 บริษัท
คณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมให้บริษัทที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชน(IPO)ดำเนินธุรกิจบนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมคือกำหนดให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (IPO) ต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน เพราะมีหน้าที่แตกต่างกัน และต้องการถ่วงดุลอำนาจ คาดว่าจะมีผลใช้บังคับในปี 2564 ที่ผ่านมามีการออกหนังสือเวียนถึงผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน(บจ.) เพื่อขอความร่วมมือมาแล้ว
นอกจากนี้กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนและบริษัทที่จะ IPO เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เปิดเผยข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One report) ตั้งแต่รอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564 และบริษัทที่จะ IPO เริ่มเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในปี 2564 ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมและลดภาระของภาคเอกชน ก.ล.ต. จะหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประสานกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในการจัดอบรมให้ความรู้แก่ภาคเอกชนต่อไป รวมถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน และการมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลใน One report ตั้งแต่รอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564 สำหรับบริษัทที่จะ IPO เริ่มเปิดเผยข้อมูลในปี 2565